สกัดจับแก๊งโจรบุกฉกเงินเจ้าอาวาสวัด 3 แสนกลางงานศพแล้วขึ้นรถแท็กซี่หลบหนี แต่ถูกตำรวจสมุทรสงครามวิทยุสกัดตะครุบตัวไว้ได้ 5 คน คอตกเจอแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร คาดคนร้ายแก๊งนี้มีพฤติการณ์ตระเวนไปหลายจังหวัด เพื่อหาโอกาสโจรกรรมทรัพย์สินตามงานพิธีต่าง ๆ
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 20 ม.ค. พ.ต.ท.โกมล พืชผล สารวัตรเวร สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิจุฬามณี ว่ามีคนร้ายยกถุงใส่เงินของเจ้าอาวาสวัดบางใหญ่ ต.กระดังงา อ.บางคนที ขึ้นรถแท็กซี่โตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทธ 2059 กรุงเทพมหานคร หลบหนีมุ่งหน้าไปทางตลาดแม่กลอง จึงรีบประสานไปยังตำรวจสภ.อัมพวา ให้ช่วยสกัดจับรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้บริเวณใกล้สามแยกไฟแดงอ.อัมพวา แต่คนร้ายไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ เปิดประตูรถหิ้วถุงเงินวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง แต่ก็ไม่รอดเงื้อมือตำรวจถูกรวบตัวไว้ได้ครบทีม ประกอบด้วย นายนภดล สุวรรณพืช อายุ 36 ปี คนขับแท็กซี่ นายสมชาย แซ่ตั้ง อายุ 48 ปี หัวโจก อยู่บ้านเลขที่ 457/3 แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานาวา กทม. นายเทวิน รอดศิริ อายุ 33 ปี นางนงนุช รุ่งเรือง อายุ 33 ปี และน.ส.อังคณา บุญวิลัย จากตรวจตรวจค้นพบเงินสดในถุงแบบมีหูรูดสีดำจำนวน 150,560 บาท รวมทั้งมีเงินในกระเป๋ากางเกงและกระเป๋าหิ้วของแต่ละคนรวมกันกว่า 20,000 บาท จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้สอบปากคำ โดยนายนภดลอ้างว่าเป็นเพียงคนขับแท็กซี่รับจ้างให้มาส่งผู้โดยสารเท่านั้น และไม่ได้ร่วมกับขบวนการดังกล่าว ส่วนนายเทวิน นางนงนุช และนางอังคณาอ้างว่านายสมชายเป็นคนชักชวนให้พวกตนมาร่วมทำบุญในงานศพที่วัดบางใหญ่ ต.กระดังงา อ.บางคนที โดยไม่รู้มาก่อนว่านายสมชายก่อเหตุดังกล่าว
ด้านพระครูศานิตย์ มุนิจโล เจ้าอาวาสวัดบางใหญ่ เปิดเผยว่าขณะกำลังเตรียมงานฌาปณกิจศพโยมป้าอยู่ในวัด
โดยเบิกเงินจากธนาคารเพื่อมาใช้ในงานจำนวน 4 แสนบาท และใช้จ่ายไปแล้วประมาณ 1 แสนบาท ส่วนที่เหลือเก็บไว้ในถุงหูรูดสีดำและวางไว้บนเก้าอี้นั่งแถวหน้าภายในวัด ขณะตนกำลังเดินตรวจดูพระที่นิมนต์มาสวดในงานยังไม่ทันถึง 5 นาที ก็เดินกลับมาเอาถุงเงินที่วางไว้แต่ไม่พบ พอสอบถามลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ๆบอกว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่งหิ้วถุงเงินเดินขึ้นรถแท็กซี่ไปแบบลุกรี้ลุกรน จึงรีบโทรศัพท์แจ้งลูกศิษย์ในมูลนิธิจุฬามณีให้แจ้งศูนย์วิทยุตำรวจช่วยติดตามตัว ส่วนเงินที่ตำรวจยึดคืนมาได้นั้นยังไม่ครบตามจำนวน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยตามเงินกลับมาให้ครบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีทั้ง 5 คน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร และจะสอบสวนขยายผลต่อไปว่าคนร้ายแก๊งนี้มีพฤติการณ์ตระเวนไปในจังหวัดอื่นๆ เพื่อหาโอกาสโจรกรรมทรัพย์สินตามงานพิธีต่างๆด้วยหรือไม่.