แฉสาวเหยื่อหั่น อจ.สอนอังกฤษ
ความคืบหน้าคดีฆ่าหั่นศพหญิงสาวมีรอยสักผีเสื้อตรงสะบักขวา ยัดใส่กระเป๋าทิ้งไว้ในป่าหญ้า หลังบริษัทโอสถสภา เต็กเฮงหยู จำกัด ย่านหัวหมาก หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัด อารีฟ อายุ 34 ปี ชาวปากีสถาน ฝ่ายประสานงานต่างประเทศ บริษัทชิ้ปปิ้ง แห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง เป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากมีพยานเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ยืนยันว่า นายมูฮัมหมัดว่าจ้างให้ไปส่งบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมนำกระเป๋า 2 ใบ ที่บรรจุชิ้นส่วนศพไปด้วย นอกจากนั้น จากการตรวจห้องพักของผู้ต้องสงสัย ที่โรงแรมราชารีสอร์ต ย่านถนนรัชดาภิเษก ยังพบหลักฐานสำคัญ บัตรประชาชนของ น.ส.ดิสนีย์ ทองนาคแท้ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/19 ต.พิบูลมังสาหาร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งคาดว่าเป็นเหยื่อความโหดของนายมูฮัมหมัดและคราบเลือดกระจายเต็มห้อง แต่นายมูฮัมหมัดยังปากแข็งให้การปฏิเสธ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 8 พ.ค.
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 9 พ.ค. นายเปรมมินทร์ ทองนาคแท้ อายุ 55 ปี นางคูณทิพย์ ทองนาคแท้ อายุ 50 ปี บิดาและมารดา น.ส.ดิสนีย์ ทองนาคแท้ พร้อมด้วย น.ส.อุบล คตวงศ์ อายุ 27 ปี เพื่อน น.ส.ดิสนีย์ เดินทางจาก จ.อุบลราชธานี เข้าพบ พล.ต.ต. วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 ที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก นางคูณทิพย์ให้การว่า น.ส.ดิสนีย์เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1-ม.3 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านโพธิ์กลาง ใน อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นคนชอบเล่นอินเตอร์เน็ต ช่วงนักเรียนปิดเทอมเห็นขลุกอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ทุกวัน และยังคุยให้ฟังว่า ติดต่อทางอินเตอร์เน็ตกับนายเคน ชาวต่างประเทศลูกครึ่งสเปน เมื่อค่ำวันที่ 7 พ.ค. ลูกสาวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ บอกว่าไปอบรมคอมพิวเตอร์ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กระทั่งเช้าวันที่ 8 พ.ค. ลูกสาวโทรศัพท์ไปหา 2 ครั้ง ครั้งแรกตนเป็นคนรับ ได้ยินเสียงลูกสาวร้องเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว แล้วสายก็หลุดไป ช่วงเวลาติดๆ กัน โทร.กลับมาอีก คราวนี้นายเปรมมินทร์ผู้พ่อเป็นคนรับสาย น.ส.ดิสนีย์ร้องไห้เรียกพ่อ แล้วสายหลุดอีก จากนั้นติดต่อกันไม่ได้ และเริ่มรู้สึกเป็นห่วง กลัวจะเกิดอันตรายกับลูก กระทั่งเที่ยงคืนวันที่ 8 พ.ค. ตำรวจ สภ.อ. พิบูลมังสาหารไปหาที่บ้าน สอบถามเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งตำหนิรูปพรรณของลูกสาว พร้อมบอกว่าตำรวจ สน.หัวหมากพบชิ้นส่วนศพ สงสัยว่าเป็น น.ส.ดิสนีย์ ตนกับสามีจึงลงมาดูว่าใช่หรือไม่ และจากการติดตามข่าวมาถึงตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าชิ้นส่วนศพที่พบเป็นลูกสาวตนแน่นอน
ขณะที่ น.ส.อุบล เพื่อนของ น.ส.ดิสนีย์ ให้การว่า รอยสักผีเสื้อตรงสะบักขวา น.ส.ดิสนีย์เพิ่งไปสักที่เมืองพัทยา ตอนไปเที่ยวสงกรานต์ด้วยกัน ตนยังถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ตอนสี่ทุ่มผู้ตายยังโทรศัพท์ไปหา บอกว่าอยู่กับนายเคน พร้อมกับส่งโทรศัพท์ ให้พูดคุยทักทาย และบอกว่าอบรมเสร็จแล้วจะไปเที่ยวต่อที่ จ.ภูเก็ต
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวนหาข้อมูลการติดต่อทางอีเมล์ระหว่าง น.ส.ดิสนีย์กับผู้ต้องหา รวบรวมไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี พร้อมส่งมีดปลายแหลม 2 เล่ม และมีดอีโต้ 1 เล่ม มีรอยบิ่น ที่พบในห้องพักของนายมูฮัมหมัด อารีฟ ให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แม้ผู้ต้องหาให้การ ปฏิเสธ แต่ขั้นตอนกระบวนการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ พบคราบเลือดติดอยู่ที่มือ แขน ขา ใบหน้า ของผู้ต้องหา น่าจะเป็นหลักฐานสำคัญมัดตัวผู้ต้องหารายนี้
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเปรมมินทร์ นางคูณทิพย์ บิดาและมารดาของ น.ส.ดิสนีย์ พร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่งเดินทางไปดูชิ้นส่วนศพที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ทันทีที่เห็นชิ้นส่วนศพทั้งหมด นางคูณทิพย์ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ขณะที่นายเปรมมินทร์สามีกล่าวว่า ใช่ศพของลูกสาวแน่ เพราะจำรอยแผลเป็นที่ข้อศอกซ้าย ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มมานานแล้ว รวมทั้งรอยสักรูปผีเสื้อที่สะบักขวาได้ ด้านนางคูณทิพย์กล่าวทั้งน้ำตา วอนสื่อมวลชนและโชเฟอร์รถแท็กซี่ที่ขับรถไปส่งฆาตกรช่วยหาชิ้นส่วนศีรษะของลูกสาวที่ถูกตัดหายไป เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศล
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำทั้ง 2 พร้อมญาติไปที่ห้องเลขที่ 1004 ชั้น 1 โรงแรมราชารีสอร์ต ถนนรัชดาภิเษก ซอย 16 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. ภายในห้องมีเสื้อผ้าผู้หญิงจำนวนหนึ่ง มีดปลายแหลม 2 เล่ม มีดอีโต้ 1 เล่มอยู่ในถุง และรอยคราบเลือดที่หมอน และบนกำแพง หลังตรวจสอบนางคูณทิพย์ยืนยันว่าเสื้อผ้าที่พบเป็นของลูกสาวแน่นอน
วันเดียวกัน พ.ต.ท.สหภพ ทุนผลงาน พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เจ้าของคดี นำตัวนายมูฮัมหมัด อารีฟ ไปขออำนาจศาลฝากขังเป็นครั้งแรก คำร้องฝากขังบรรยายว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เวลา 04.00 น. ตำรวจจับกุม
ผู้ต้องหานี้ไว้และแจ้งข้อหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้ายซ่อนเร้นย้ายทำลายศพเพื่อปกปิดการตาย
พฤติการณ์คือเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2549 เวลา 17.30 น. ตำรวจรับแจ้งเหตุพบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกหั่นใส่ ในกระเป๋าเสื้อผ้า 2 ใบ ถูกนำไปทิ้งไว้บริเวณถนนรามคำแหง 24 ตรงข้ามหมู่บ้านพหลซิตี้ ปาร์ค แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จากการชันสูตรพบว่าเป็นศพหญิงไทย ไม่ทราบชื่อ อายุ 20 ปีเศษ ถูกตัดศีรษะ แขนทั้ง 2 ข้าง และลำตัว 1 ท่อน จึงออกสืบสวนและประกาศผ่านคลื่นวิทยุ จส. 100 ต่อมามีนายบุญยืน ศรีประสงค์ ติดต่อมาและให้การว่าเป็นผู้รับผู้ต้องหาพร้อมกระเป๋าไปบริเวณจุดพบศพ
จากนั้นได้พาตำรวจไปยังจุดรับผู้ต้องหา โรงแรมราชารีสอร์ต ซอยรัชดาภิเษก 16 ห้วยขวาง กทม. เมื่อไปถึงก็พบผู้ต้องหากำลังออกมาจากโรงแรมพอดี นายบุญยืนจึงชี้ตัวให้ตำรวจนำผู้ต้องหาไปสอบสวน และยึดกางเกงยีนมีคราบเลือดผู้ตาย ตำรวจยังได้ตรวจห้องพักผู้ต้องหาพบคราบเลือดกระจายอยู่ทั่วไปและพบเลือดผู้ตายตามร่างกายผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนได้สอบสวนมาตลอดแต่ยังไม่แล้วเสร็จ คงต้องสอบพยานอีก 7 ปาก รอผลพิสูจน์ต่างๆและตรวจดีเอ็นเอ จากกองพิสูจน์หลักฐาน ผลการชันสูตรศพจากนิติเวชฯ ผลตรวจประวัติอาชญากรของผู้ต้องหา จึงขอฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.-20 พ.ค. 49 และหากผู้ต้องหายื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวก็ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีพฤติการณ์โหดเหี้ยม อาจไปข่มขู่พยาน คดีมีอัตราโทษสูง อาจจะหลบหนีได้ พร้อมขอรับตัวกลับไปสอบสวนที่ สน.หัวหมาก เพื่อทำแผนประทุษกรรม สอบสวนขยายผลต่อไป ศาลรับคำร้องแล้วมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอ