ผู้ก่อเหตุยกมือไหว้ขอโทษ |
ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีมีภาพเหตุการณ์กลุ่มคนไทยที่ให้เช่าเจ็ตสกีริมหาดเฉวงต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกิดมีปากเสียงกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คน ที่มาเช่าเจ็ตสกีไปขับแล้วมีปัญหากันตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายเลยเกิดการวางมวยกัน โดยกลุ่มคนไทยเข้าไปรุมตื้บ 2 ฝรั่งท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น ต่างพากันบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้แบบช็อตต่อช็อต
หลังจากนั้นไม่นาน ภาพนาทีการวางมวยกันอุตลุดก็เผยแพร่ไปทางอินเตอร์เน็ต!!
ภาพคนไทยรุมกินโต๊ะฝรั่งถูกนำออกเผยแพร่ไปทั่วเว็บไซต์ท่องเที่ยวเกาะสมุย ในภาพเห็นกลุ่มคนไทยกำลังรุมทำร้ายฝรั่งอย่างชัดเจน โดยเบื้องหลังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเกิดจากเรื่องอะไร ทำไมถึงได้ชกต่อยกันแบบนี้ แต่งานนี้คนที่เสียรังวัดเห็นจะเป็นคนไทยในฐานะเจ้าบ้านสะเทือนไปถึงภาพพจน์การท่องเที่ยวไทย ติดลบลงไปทันที
ปูมหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้ เริ่มจาก "ข่าวสด" ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวและชาวเกาะสมุย
ที่บังเอิญไปเห็นเหตุการณ์คนไทยกับฝรั่งชกต่อยกันอยู่ริมหาดเฉวง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญขอเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ซึ่งเกรงว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจะส่งผลกระทบถึงภาพพจน์การท่องเที่ยวไทย เพราะหลังจากนั้นไม่นานภาพทุกอย่างก็ออกมาแพร่หลายทางอินเตอร์เน็ต
นาทีตะลุมบอน |
ทุกอย่างจึงใช้เป็นหลักฐานมัดทั้ง 2 ฝ่าย
พยานเล่าอีกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ทั้ง 2 ฝ่ายชกต่อยกันนัวโดยไม่แคร์สายตาผู้คนที่อยู่ตรงนั้น สำหรับเหตุทะเลาะวิวาทลักษณะนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกที่เกาะสมุย ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง ชาวบ้านจึงอยากให้ตำรวจเข้ามาดูแลความเรียบร้อยมากกว่านี้!?!
หลังทุกอย่างเป็นข่าวแพร่สะพัดออกไปพ.ต.อ.ชัยยุทธ นิลวงศ์ ผกก.สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
โดยประสานตำรวจท่องเที่ยวออกติดตามตัวฝรั่งต่างชาติ 2 รายนี้ รวมทั้งตามตัวกลุ่มคนไทยที่ปรากฏในภาพมาสอบปากคำ แต่ปรากฏว่าฝรั่ง 2 รายนั้นได้เดินทางออกจากเกาะสมุยไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงตามตัวมาสอบสวนไม่ได้ ทราบเพียงกลุ่มคนไทยที่ปรากฏตัวอยู่ในภาพ คือ นายสมวงศ์ เทียมเทศน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 ม.3 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และนายบุรินทร์ นาคบาตร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/1 ม.4 ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เป็นกลุ่มให้เช่าเจ็ตสกีหน้าโรงแรมลองบีช หาดเฉวง ต.บ่อผุด จึงติดตามตัวมาดำเนินคดี
สายวันที่ 31 ธ.ค. พ.ต.อ.ชัยยุทธ มอบหมายให้ตำรวจสภ.เกาะสมุย และร.ต.อ.อดิเรก จินตรานันท์ สว.ส.ทท.7กก.5บก.ทท.
เข้าควบคุมตัวนายสมวงศ์กับนายบุรินทร์เอาไว้ได้ จึงนำตัวมาสอบปากคำโดยมีนายอดิศร กำเหนิดศิริ นายอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้กระทบต่อภาพลักษณ์ของเกาะสมุย โดยนายสมวงศ์ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติสองคนนี้มาขอเช่าขับเจ็ตสกี หลังจากที่ตกลงราคากันแล้ว ตนพร้อมกับนักท่องเที่ยวได้ตรวจสอบเจ็ตสกีร่วมกันว่าไม่มีร่องรอยของการเฉี่ยวชน นักท่องเที่ยวจึงนำเจ็ตสกีออกไปขับตามปกติ
ต่อมาเมื่อหมดเวลาเช่า นักท่องเที่ยวนำเจ็ตสกีมาคืน พบว่ามีร่องรอยของการเฉี่ยวชน จึงชี้ให้นักท่องเที่ยวดู
พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย แต่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ ทำให้มีปากเสียงโต้เถียงกันจนถึงขั้นชกต่อย ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะวิ่งหลบหนีไป ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะมีคนถ่ายรูปแล้วเอาไปลงเว็บไซต์ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต ทำให้ตนและพรรคพวกรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากขอโทษนักท่องเที่ยวและเพื่อนร่วมอาชีพที่ทำให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กระทบต่อการท่องเที่ยว เหตุการณ์วันนั้นถ้าไม่ใจร้อนเกินไปและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยไกล่เกลี่ย ก็คงจะไม่รุนแรงถึงขนาดนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อนปรับคนละ 1,000 บาทแล้วปล่อยตัวไป ซึ่งทั้ง 2 คนยอมยกมือไหว้บอกขออภัยในสิ่งที่ทำลงไป
พร้อมบอกว่าความจริงแล้วก็ไม่อยากทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวแบบนี้ หลังเกิดเรื่องทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด เมื่อในวันเดียวกันนั้น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจเกาะสมุยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต่างระดมกำลังออกตรวจตราความเรียบร้อยเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นทั่วหาด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำรอย โดยเน้นเรื่องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก มีการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัครท่องเที่ยว ออกปฏิบัติหน้าที่ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเกาะสมุย เน้นเดินแถวตามชายหาดและจุดล่อแหลมเสี่ยงภัยต่อการเกิดเหตุร้าย
ทั้งๆ ที่เบื้องหลังอาจเข้าทำนอง ขิงก็ราข่าก็แรง แต่ในฐานะเจ้าบ้าน เกิดอะไรขึ้นเราก็เสียหายวันยังค่ำ