ตามรอยคดีค้างปี50 รอการสะสางปี51

ช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาของปี 2550

คดีอาชญากรรมมากมายเกิดขึ้น ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย จนถึงเรื่องใหญ่ๆ ในจำนวนนี้มีอยู่ไม่น้อยที่ตำรวจสามารถปิดสำนวนลงได้ ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษได้สำเร็จแต่ขณะเดียวกันก็มีอีกจำนวนมากที่ยังค้างอยู่ในสำนวน รอให้ตำรวจเข้ามาสะสางงานต่อในปี 2551 ซึ่งมีทั้งคดีที่รู้ตัวคนร้าย และคดีที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ต้องสงสัย!??

คดีค้างแรกสุดและถือว่าเป็นคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดของปี 2550

 คือเหตุระเบิดถล่มกรุงตั้งแต่ช่วงปีใหม่และเกิดเหตุอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเกือบกว่า 10 คดี ไม่น่าเชื่อว่านอกจากภาพเบลอๆ ในกล้องวงจรปิดเพียง 2-3 ภาพแล้ว ตำรวจไม่มีเบาะแสหรือร่องรอยผู้ก่อเหตุเลยแม้แต่รายเดียว!!! ช่วงวันปีใหม่ 2550 คนกรุงเทพฯ ต้องขวัญผวากับงานฉลองปีใหม่ เพราะเกิดเหตุระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 9 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในจุดจัดงานเคานต์ดาวน์ และที่มีคนไปท่องเที่ยวจำนวนมาก

จุดใหญ่ที่เกิดเหตุและสูญเสียมากที่สุดคือลูกแรกตอน 6 โมงเย็น

วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริเวณป้ายรถเมล์ใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีคนเจ็บรวม 15 ราย เสียชีวิตที่ร.พ. 2 ราย จากนั้นก็เกิดระเบิดต่อเนื่องจนเข้าวันปีใหม่อีกถึง 8 จุด มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย บาดเจ็บอีก 21 รายจากการสืบสวนเชื่อว่าเป็นฝีมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกัน โดยระเบิดมีลักษณะเหมือนกันทุกจุด

ถัดมาวันที่ 9 เมษายน

เกิดระเบิดที่ตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กทม. ทำให้บรรยากาศสงกรานต์ปี 2550 ในกรุงเทพฯ กร่อยไปบ้างไม่ถึง 1 เดือนต่อมาเหตุร้ายก็เกิดซ้ำขึ้นอีก คราวนี้สั่นสะเทือนหนักกว่าเก่าเพราะเกิดระเบิดขึ้นบริเวณตู้โทรศัพท์ปากซอยราชวิถี 24 แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กทม. เมื่อค่ำวันที่ 5 พฤษภาคม

ตบท้ายของปี 2550 ด้วยระเบิดเล็กๆ แต่ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งกองทัพ

 เมื่อเกิดเหตุขึ้นที่ตู้โทรศัพท์ข้างโรงเรียนแผนที่ทหาร ติดกับรั้วกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อกลางดึก วันที่ 30 กันยายน อันเป็นวันอำลา-รับมอบตำแหน่งผบ.ทบ.!??คนร้ายวางระเบิดแบบซ้อน 2 ชั้นทำให้เมื่อตอนแรกคิดว่าจัดการได้แล้ว เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกลับโดนวงจรที่เหลืออยู่ทำงานส่งผลให้มีตำรวจรับบาดเจ็บ 2 นายระเบิดลูกนี้และวิธีการต่อวงจรคล้ายคลึงยิ่งกับเหตุระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เมื่อวันปีใหม่ 2550ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าบุคคลที่สามารถต่อวงจรระเบิดซ้อนกันได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญพอสมควร เพราะคนทั่วๆ ไปที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ไม่น่าจะทำได้!??

คดีระเบิดถล่มกรุงหลายครั้งที่เกิดขึ้นในรอบปี 2550 ใช่ว่าจะไร้เบาะแสเสียเลย

เพียงแต่เป็นกลุ่มต้องสงสัยที่ยังไร้หลักฐานสาวโยงไปถึงและถึงแม้จะมีหลักฐานก็ไม่ง่ายที่จะเล่นงาน เพราะคดีระเบิดที่เกิดขึ้นเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือของพลเรือน!??

คดีอาชญากรรมที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนและโยงใยกันยุ่งเหยิงที่สุดคดีหนึ่งของปี 2550 คือคดีฆาตกรรม "นางรวีวรรณ เสตะรัต"

หรือสาวนักแฉ คู่พิพาทกับไบโอคลินิกของน.พ.กวีวัธน์ หรือไพศาล เฮงสวัสดิ์ นางรวีวรรณ ถูกมือปืนยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านพัก หมู่บ้านฉัตรแก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 ตำรวจเข้ามาสืบสวนคดีนี้ และให้น้ำหนักไปที่กรณีพิพาทกับไบโอคลินิก ที่มีการฟ้องร้องกันนัวเนียโดยคดีที่นางรวีวรรณ ฟ้องร้องศาลกำลังจะพิพากษาแต่ก็มาถูกยิงตายเสียก่อน

จากคดีนี้ตำรวจยิ่งตระหนกหนักขึ้นเมื่อพบว่ามีอีกอย่างน้อย 2 ศพที่ถูกยิงตายเพราะมีเรื่องกับไบโอคลินิก

หนึ่งคือนายบุญลือ หรือวรรธนะ รุ่งเรือง อดีตคนขับรถหมอกวีวัธน์ ซึ่งมีเรื่องกันและสุดท้ายมาเป็นพยานให้ฝ่ายนางวรีวรรณก่อนที่จะขึ้นให้การในชั้นศาลนายบุญลือ ถูกมือปืนยิงเสียชีวิต อีกศพคือนายชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย ที่ไปทำศัลยกรรมกับไบโอคลินิก แล้วเกิดปัญหามาโวยวายที่คลินิก เมื่อปี 2549 ถัดจากนั้นอีกเพียง 3 วัน นายชาญวิทย์ ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิตทิ้งศพจ.สระบุรี ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นนายชาญวิทย์ คือเข้าไปเจรจาความที่ไบโอคลินิก!??

ตำรวจหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมสอบสวนทั้งนครบาล และกองปราบฯ

กระทั่งพบพยานสำคัญที่เห็นหน้ามือปืนสังหารนางรวีวรรณ จนนำไปสู่การออกหมายจับและจับกุมได้ 2 คนคือนายจตุรงค์ เบ็ญกูล มือปืน และนายประกอบ สีนาค คนขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งคู่สารภาพว่านอกจากฆ่านางวรีวรรณ แล้วยังสังหารนายบุญลือ เพื่อปิดปากไม่ให้เป็นพยานในศาลด้วย

ส่วนผู้จ้างวานคือนายศักดา เฮงสวัสดิ์ น้องชายน.พ.กวีวัธน์!??

นายศักดา ถูกออกหมายจับแต่ก็เผ่นหนีไปโดยเชื่อว่าหลบไปอยู่ต่างประเทศแล้วส่วนน.พ.กวีวัธน์ ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการตายทั้ง 3 ศพ ในชั้นนี้ตำรวจไม่มีหลักฐานโยงไปถึง เนื่องจากคัตเอาต์สำคัญคือนายศักดา ยังตามไม่พบอย่างไรก็ตาม น.พ.กวีวัธน์ ถูกแจ้งดำเนินคดีเกี่ยวกับวิชาชีพ หรือความผิดด้านเวชกรรม

อีกคดีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและครึกโครมคือเหตุการณ์ปล้นรถขนเงินบริษัท สยามแอดมินมิส เทรทิฟแมเนจเม้นท์ จำกัด

หรือ "แซมโก้" บริษัทรับจ้างขนเงินให้สถาบันการเงินของเมืองไทยรายใหญ่ที่สุดปี 2550 แซมโก้ โดนปล้นถึง 3 ครั้ง จะมีเพียงหนที่ 3 เมื่อกลางดึกวันที่ 14 ธันวาคม 2550 นั้นที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ยกแก๊งรวม 7 คน ซึ่งมี 5 คนเป็นพนักงานของแซมโก้เอง หนึ่งในเหตุผลที่คนร้ายสารภาพคือคดีปล้นรถเงินแซมโก้ 2 ครั้งแรกในรอบปีนั้น ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ จึงตัดสินใจทำบ้างเพราะคิดว่าจะรอดเหมือนแก๊งอื่นๆ

คดีแรกในรอบปีที่เกิดขึ้นกับบริษัทแซมโก้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน

นายพงศักดิ์ คำวงศ์ อายุ 28 ปี พนักงานขับรถ และนายราชัน จันทร์รัศมี อายุ 25 ปี ผู้ควบคุมรถของแซมโก้ ตกเป็นเหยื่อโจรขณะเดินทางไปรับเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถ.พระราม 9ศรีนครินทร์ เขตสวนหลวง กทม.ทั้งคู่นำรถมาจอดภายในซอยหลังธนาคาร และเดินเข้าไปรับเงินสดจำนวน 3.5 ล้านบาท จังหวะที่กลับมาที่รถ คนร้าย 2 คนก็ดักรออยู่ก่อนแล้ว ใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้นอนคว่ำหน้ากับพื้น แย่งกระเป๋าเงินวิ่งไปขึ้นรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว หมายเลขทะเบียน ปง-6815 กทม. หลบหนีไป

ถัดมาวันที่ 29 พฤศจิกายน

 คนร้ายดักปล้นรถเงินแซมโก้ ระหว่างจอดอยู่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตั้งอยู่ภายในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ถ.ฉลองกรุง แขวงและเขตลาดกระบัง กทม.คนร้ายใช้ปืนจี้พนักงานคุมรถขนเงินสดจำนวน 22 ล้านบาทถ่ายใส่รถเก๋งขับหนีไป ระหว่างทางเจอตำรวจสกัดจับแต่คนร้ายต้อสู้ใช้ปืนยิงใส่ส.ต.อ.อรัญ แตงอำพล สายตรวจสน.จรเข้น้อย ได้รับบาดเจ็บ ก่อนซิ่งรถฝ่าวงล้อมหนีไปลอยนวล

คดีปล้นรถเงินแซมโก้ทั้ง 2 คดีที่กล่าวมา คนร้ายได้เงินรวมกันถึง 25.5 ล้านบาท ตำรวจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนร้ายเป็นใคร!??

พ.ต.อ.ประพนธ์ แกลโกศล รองผบก.น.9 ที่ถูกมือปืนยิงเสียชีวิตพร้อมตำรวจติดตามและเพื่อนสาวรวม 3 ศพ

เป็นอีกคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ที่ยังหาทางลงไม่ได้ ทั้งๆ ที่เหยื่อเป็นถึงนายตำรวจใหญ่ เหตุร้ายก็เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ที่สำคัญรู้ตัวผู้ก่อเหตุมาตั้งแต่วันแรกแล้ว พ.ต.อ.ประพนธ์ ถูกนายมนตรี แสงธรรม อายุ 40 ปี เสี่ยเจ้าของร้านทำแอร์ ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตคารถตราโล่ พร้อมกับด.ต.บรรจง เกตุมณี ผบ.หมู่บก.น.9 และนางศิริพร นุตาดี พี่สาวนางนิตยา หรือติ๊ก แซ่อึ๊ง อายุ 32 ปี เพื่อนสาวพ.ต.อ.ประพนธ์

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมวันเกิดเหตุ

พ.ต.อ.ประพนธ์ พร้อมด้วยพ.ต.ท.ทัศน์พล บู้หลง สังกัดกลุ่มงานสอบสวน บก.น.9 และด.ต.บรรจง ขับรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียนตราโล่ 45458 ไปร่วมทานข้าวที่บ้านเพื่อนสาวคนสนิท ช่วงที่ออกจากบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านซ่อมแอร์ ภายในซอยเอกชัย 69 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. กลับมาขึ้นรถโดยมีนายสุชาติ นุตาดี และนางศิริพร นุตาดี ภรรยาซึ่งเป็นพี่สาวนางนิตยา เดินออกมาส่ง จังหวะนั้นเองนายมนตรี สามีเก่าของนางนิตยาที่ซุ่มรออยู่ เมื่อเห็นตำรวจทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนรถ ก็ออกจากมุมมืดเข้าไปจ่อยิงใส่เข้าไปในรถชนิดไม่ยั้ง!!!พ.ต.อ.ประพนธ์ ด.ต.บรรจง และนางศิริพร เสียชีวิตส่วนพ.ต.ท.ทัศน์พล และนายสุชาติ ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุเพียงวันเดียว ศาลอนุมัติออกหมายจับนายมนตรี เพราะพยานหลักฐานชัดเจนและแน่นหนา

โดยสาเหตุมาจาก ความหึงหวง

เนื่องจากนายมนตรี ที่แม้จะแยกทางกับนางนิตยา มานานถึง 5 ปี แล้วแต่ยังไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เมื่อพ.ต.อ.ประพนธ์ มาติดพันเมียเก่าทำให้เกิดความหึงหวงเจ้าหน้าที่พยายามตามรอยนายมนตรี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

ปิดท้ายกับคดีที่รอการสะสาง เป็นการตายปริศนาของน.ส.โทโมโกะ ยามาชิตะ อายุ 23 ปี

นักท่องเที่ยวสาวจากแดนอาทิตย์อุทัย ถูกฆ่าหมกป่าเมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวดังของจ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน น.ส.โทโมโกะ เดินทางมาเที่ยวเทศกาลลอยกระทงในเมืองไทย จากนั้นก็เช่ารถจักรยานขี่เที่ยว กระทั่งพบคนร้ายลงมือสังหาร ปลดทรัพย์สินไปจนหมด ตำรวจได้หลักฐานเป็นคลิปโทรศัพท์มือถือของเด็กนักเรียนที่ไปเที่ยว และถ่ายติดรถจักรยานของน.ส.โทโมโกะ นอกจากนี้ เห็นชายชาวญี่ปุ่นเดินลงจากเขา ในจุดที่พบศพด้วย!??

ตำรวจได้หลักฐานชิ้นสำคัญเป็นเนื้อเยื่อจากซอกเล็บของผู้ตาย

 ประกอบกับการควานหาพยานในที่เกิดเหตุจนได้พยานปากสำคัญมาปากหนึ่งซึ่งเชื่อว่าน่าจะเห็นตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ ตำรวจล็อกตัวผู้ต้องสงสัยหลายกลุ่มมาสอบสวน แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ญาติของสาวญี่ปุ่นที่บินมารับศพและทำพิธียังจุดเกิดเหตุ ก่อนจะเดินทางกลับไปด้วยน้ำตานองหน้า ขอร้องตำรวจไทยช่วยลากคอฆาตกรโหดมาลงโทษให้ได้

ปี 2551 ต้องตามดูกันว่าตำรวจไทย จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนักท่องเที่ยวสาวรายนี้ได้หรือไม่!??

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์