สลดช้างป่าทับลาน ตกเป็นเหยื่อพรานล่าตัดงา ชาวบ้านในพื้นที่รู้ข่าวลงทุนบุกป่าฝ่าดงไปจนถึงซากช้าง พบถูกยิงหัวโบ๋แล้วแซะตัดงาไป แฉขบวนการล่าช้างเอางามีทั้งพระภิกษุและจนท.ป่าไม้ร่วมมือ โดยพระเป็นคนลำเลียงงาออกมาจากป่าเอง ขณะที่จนท.ที่นำทางไปพิสูจน์ซากช้างก็แกล้งนำทางให้เดินเป็นวงกลมนานถึงวันครึ่ง ทั้งที่ระยะทางเดินจริงๆแค่ 3 ชั่วโมง
เมื่อวันที่ 1 ม.ค.51 "ข่าวสด" รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ว่า
มีการลักลอบล่าช้างป่าเอางาในพื้นที่มรดกโลก ป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.ครบุรี จ.นคร ราชสีมา โดยผู้ร้องเรียนกล่าวว่า ทราบข่าวช้างตายในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าไปพบซากช้างดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. แล้วอ้างว่าช้างดังกล่าวตายด้วยการต่อสู้กันในฤดูผสมพันธุ์ และมีการนำงาของช้างตัวดังกล่าวออกมาจากจุดพบซากช้างโดยพระภิกษุรูปหนึ่ง ก่อนนำไปเก็บไว้ที่บริเวณวัดภูเทพถาวรนิมิต ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี ในวันที่ 13 ธ.ค. ผู้ร้องเรียนจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่เขตจัดการที่ 3 คลองน้ำมัน อุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อขอข้อมูลที่แท้จริง แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่หน่วยดังกล่าวไม่มีใครทราบเรื่องการตายของช้างตัวดังกล่าว จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่เพื่อพิสูจน์ความจริงในวันที่ 24 ธ.ค.
ผู้ร้องเรียนกล่าวเพิ่มเติมว่า สังเกตเห็นความผิดปกติจากการเข้าไปตรวจสอบสาเหตุช้างตายครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
โดยก่อนที่คณะผู้ร้องเรียนและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานจะเข้าพื้นที่ โดยมีพระและเด็กวัดของวัดภูเทพถาวรนิมิต ซึ่งเป็นผู้พบซากช้างเป็นผู้นำทาง มีความพยายามของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่านายหนึ่งในพื้นที่ไม่ให้คณะผู้ร้องเรียนเข้าไปในพื้นที่ คล้ายเกรงว่าจะเข้าไปเห็นสิ่งผิดปกติในการตายของช้างตัวนี้ และเมื่อสอบถามพระและเด็กวัดผู้นำทางว่าเข้าไปพบซากช้างได้อย่างไร ครั้งแรกได้รับคำตอบว่า เข้าไปหาซากเครื่องบินที่ตกในป่าเขาใหญ่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่เมื่อถามอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง กลับได้รับคำตอบว่าเข้าไปในบริเวณดังกล่าวเพื่อหาสมุนไพร และเมื่อถามว่างาช้างที่นำออกมานั้นนำไปไว้ที่ไหน ครั้งแรกพระที่เป็นผู้นำงาดังกล่าวออกมากล่าวว่า นำส่งบุคคลสำคัญใน กทม.ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.แล้ว แต่เมื่อถามอีกครั้งกลับบอกว่า ถวายให้พระอาจารย์ถาวร วัดป่าศรีถาวรชัยพัฒนา จ.สระแก้ว นอกจากนั้นการนำทางเข้าไปยังจุดพบซากช้างยังพยายามที่จะพาเดินอ้อมเป็นวงกว้าง คล้ายต้องการให้คณะสำรวจเกิดความท้อใจ จนยกเลิกการเดินทางในที่สุด
แฉฆ่าช้างตัดงา อุทยานทับลาน
ผู้ร้องเรียนกล่าวต่อว่า การเดินทางเริ่มต้นที่บริเวณแปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ แปลงที่ 6/6 ในพื้นที่หน่วยพิทักษ์ป่า ทล.12 ซับสะเดา จากนั้นเดินเท้าเข้าบริเวณป่าทับลาน
โดยคนนำทางพาเดินวนไปวนมาเป็นเวลา 1 วัน สาเหตุที่ทราบเนื่องจากผู้ร้องเรียนได้จับพิกัดดาวเทียมด้วยเครื่องจีพีเอสตลอดเวลา ก่อนไปหยุดพักค้างแรมที่บริเวณเขาซับยางแดง ซึ่งตลอดทางสังเกตเห็นความสมบูรณ์ของผืนป่า และพบร่องรอยของสัตว์ป่า เช่น ช้าง กระทิง กวาง หมูป่า อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงร่องรอยการล่าสัตว์ป่าอยู่ด้วย โดยระหว่างทางพบปลอกกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 ตกอยู่เป็นระยะ และระหว่างที่พักแรมเมื่อสอบถามถึงพิกัดที่แน่นอนของซากช้าง ได้รับคำตอบจากพระผู้นำทางว่า อยู่ด้านทิศตะวันตกของภูเก้าพัก โดยต้องข้ามห้วยลำแซะไป โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาเดินทางจริงปรากฏว่าแทนที่จะข้ามห้วยลำแซะอย่างที่แจ้งไว้ก่อนหน้า ผู้นำทางกลับพาเดินเลียบห้วยลำแซะไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนพาวกเข้าป่า กระทั่งผู้ร้องเรียนตรวจสอบพิกัดดาวเทียมจากเครื่องจีพีเอส จึงพบว่าถูกพาเดินวนอยู่ห่างจากจุดพักแรมประมาณ 500 เมตรเท่านั้น เมื่อสอบถาม ผู้นำทางจึงพากลับไปเดินเลียบห้วยลำแซะอีกครั้งหนึ่งจนถึงจุดที่พบซากช้างตายดังกล่าว
"จุดที่พบซากช้างเป็นบริเวณห่างจากห้วยลำแซะประมาณ 20 เมตร พบเป็นซากช้างเพศผู้ นอนตะแคง หัวหันไปทางทิศเหนือพาดลำไม้ไผ่ที่หักโค่นอยู่ประ มาณ 5-6 ต้น ลักษณะคล้ายก่อนตายช้างตัวดังกล่าวพยายามที่จะใช้ต้นไผ่เพื่อการพยุงตัวไว้ มีร่องรอยบาดแผลบริเวณกกหูด้านซ้ายจนทะลุ ซึ่งเบื้องต้นพระและเด็กวัดผู้นำทางแจ้งว่า เกิดจากการแทงกันของช้างป่าเพื่อต่อสู้ในฤดูผสมพันธุ์ แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้วคาดว่าเกิดจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนมากกว่า ส่วนเนื้อบริเวณโคนงามีร่องรอยฉีกขาดจากการถูกถอดงาออกไป โดยซากช้างตัวดังกล่าวกำลังเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ เมื่อวัดขนาดเท้าพบว่ามีรอบวง 114 เซนติเมตร วัดจากปลายเท้าถึงระดับไหล่มีความสูงประมาณ 2.28 เมตร เมื่อนำมาคำนวณตามหลักวิทยา ศาสตร์ พบว่าเป็นช้างหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี" ผู้ร้องเรียนระบุ
ผู้ร้องเรียนกล่าวต่อไปว่า เมื่อสอบถามถึงวิธีที่นำงาช้างออกจากซาก พระที่นำทางกล่าวว่า ใช้วิธีตัดไม้ไผ่เป็นห่วงแล้วดึงออกมา
แต่เมื่อตรวจพื้นที่โดยรอบไม่พบร่องรอยการตัดไม้ไผ่เพื่อถอดงาอย่างที่กล่าว เมื่อดูจากลักษณะบาดแผลเนื้อเยื่อบริเวณโคนงา พบว่าใช้วิธีแซะเนื้อบริเวณนั้นออกก่อนโยกจนงาหลุดออกจากกะโหลกศีรษะ หลังจากใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดของซากช้างเป็นเวลาประมาณ 30 นาที คณะทั้งหมดไปแวะพักแรมที่บริเวณท่าโป่ง ห่างจากจุดพบซากช้างประมาณ 5 ก.ม. ก่อนที่รุ่งเช้าจะพากันเดินทางออกจากป่าทับลาน โดยใช้เวลาเดินเท้าเพียงครึ่งวันจากจุดพักแรมท่าโป่ง ถึงแปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ แปลงที่ 6/6 จุดเริ่มต้นการเดินทางในครั้งนี้
"จะเห็นได้ว่ามีความพยายามที่จะไม่ให้คณะผมเข้าไปเห็นซากช้าง ด้วยการแกล้งพาเดินวนอ้อมเป็นวงกว้าง ขาไปใช้เวลานานถึง 1 วันครึ่ง แต่ขากลับใช้เวลาเพียงครึ่งวัน แต่จากการที่ผมอยู่ในพื้นที่มาเป็นเวลานาน ทำให้รู้ว่าหากใช้อีกเส้นทางหนึ่งที่อยู่เลยหน่วยพิทักษ์ป่า ทล.12 ซับสะเดา ไปไม่กี่กิโลเมตร จะใช้เวลาในการเดินเท้าเข้าถึงซากช้างในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง" ผู้ร้องเรียนกล่าว
ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า ที่ร้องเรียนต่อ "ข่าวสด" เนื่องจากต้องการฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน และคนสังคมให้รับรู้ว่า
ทุกวันนี้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางธรรมชาติเขาใหญ่-ดงพญาไฟ ยังมีขบวนการลักลอบล่าช้างป่าเพื่อเอางา รวมถึงล่าสัตว์ป่าชนิดอื่น เช่น กระทิง วัวแดง หมีควาย เพื่อการค้าอยู่ และสังเกตเห็นว่า การล่าช้างในครั้งนี้มีการทำงานเป็นทีม รวมถึงได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน และชุมชนในพื้นที่บางคนพยายามปกปิดข่าวการตายของช้างตัวดังกล่าว รวมถึงความพยายามที่จะขัดขวางการเข้าไปพิสูจน์สาเหตุการตายในครั้งนี้ทุกวิถีทาง และการเข้าไปดูซากช้างป่าในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการเข้าไปจับผิดใคร แต่เป็นการเข้าไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นอีกในอนาคต