จลาจลสถานพินิจเปิดศึก2ก๊กโจ๋จับ2ผู้คุมเตลิดหนี15
โจ๋ในสถานพินิจฯ กลุ่มสุราษฎร์-นครศรี 150 คน เปิดศึกจลาจลไม่พอใจที่จะมีการย้ายหัวโจกของแต่ละฝ่ายไปคุมขังที่เรือนจำกลาง ฉวยจังหวะชุลมุนหนีไปออกไป 15 คน ทั้งยังพยายามจับครูผู้คุมเป็นตัวประกัน ตำรวจเข้าระงับเหตุการณ์หวิดมีปะทะ รองผู้ว่าฯ เจรจาสถานการณ์จึงยุติ
เกิดเหตุจลาจลภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สุราษฎร์ธานี และมีความพยายามจะหลบหนีออกไป เปิดเผยเมื่อเวลา
16.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม เกิดเหตุผู้ต้องขังในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี มีเยาวชนอายุระหว่าง 16-18 ปี กว่า 150 คน ก่อเหตุจลาจลในที่คุมขัง และส่วนหนึ่งฉวยจังหวะหลบหนีออกจากที่คุมขังจำนวน 15 คน มีหัวหน้ากลุ่มทราบชื่อคือ นายนวย (นามสมมติ) ภูมิลำเนาเดิม อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุเยาวชนที่อยู่ภายในสถานพินิจฯ บางส่วนที่มีไม้และก่อนหินเป็นอาวุธพยายามจับกุมตัวผู้คุมจำนวน 2 คนเป็นตัวประกัน จนครูผู้คุมต้องหลบหนีไปอยู่ในห้องน้ำของพ่อบ้านในเรือนนอน ทราบชื่อคือนายเศรษฐ์ อินทร์สุวรรณ อายุ 34 ปี นักวิชาการอบรมและฝึกอบรมวิชาชีพ 5 และ น.ส.กชนิภา ทวิชสังข์ อายุ 34 ปี นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ 6 ว.
เมื่อเจ้าหน้าที่ในสถานพินิจฯ ซึ่งมีทั้งชายและหญิงรวม 8 คน คุมสถานการณ์ไม่อยู่ จึงประสานไปยัง พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ศรีวัฒนพงศ์ ผกก.สภ.อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อขอกำลังสนับสนุนและมีการจัดกำลังตำรวจ 50 นาย พร้อมด้วยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 417 จำนวน 10 นายเข้าระงับเหตุ และสามารถนำตัวครูผู้คุมออกมาได้อย่างปลอดภัย
ขณะเดียวกันกำลังอีกส่วนหนึ่งออกติดตามจับกุมและสามารถทยอยจับกุมผู้ต้องขังได้ 14 คน ภายในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จับกุมได้ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวในสวนยางพารา และริมหนองน้ำบริเวณด้านหลังของสถานพินิจฯ ริมบึงขุนทะเล ซึ่งห่างจากสถานพินิจฯ ไปประมาณ 2 กิโลเมตร โดยทั้งหมดอยู่ในสภาพเปียกปอน ขณะที่อีก 1 คนหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงกระจายกำลังออกติดตามอย่างกระชั้นชิด
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุของการจลาจลครั้งนี้ มาจากเยาวชนที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือระหว่างกลุ่ม จ.สุราษฎร์ธานี กับกลุ่ม จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องการแย่งชิงความเป็นใหญ่ภายในสถานพินิจฯ และที่ผ่านมาทั้งสองกลุ่มต่างก่อเหตุกระทบกระทั่งกันโดยตลอด สถานพินิจฯ จึงนำเยาวชนที่เป็นหัวโจกทั้งสองฝ่ายไปฝากขังที่เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี ทำให้เยาวชนบางส่วนไม่พอใจ กระทั่งก่อเหตุรุนแรงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเจรจาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในที่คุมขัง ซึ่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปเจรจา ยกเว้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นาย พร้อมด้วยกระบอง มี พ.ต.อ.พิกัด ตันติพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ศรีวัฒนพงศ์ ผกก.สภ.อ.เมือง ร่วมเจรจาด้วย ปรากฏว่าระหว่างการเจรจาผ่านไปประมาณ 15 นาที กลุ่มเยาวชนผู้ต้องขังกว่า 50 คน ที่มีไม้และก้อนหินเป็นอาวุธต่างไม่พอใจจึงลุกฮือพยายามจะวิ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่สามารถผลักดันเยาวชนเหล่านั้นออกไปได้ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. นายดำริห์ บุญจริง รองผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เข้าร่วมเจรจาและพูดให้กำลังใจแก่ผู้ต้องขังและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ จนทุกฝ่ายเข้าใจและรับฟัง จึงยอมกลับเรือนนอนตามปกติ
ส่วนผู้ที่หลบหนีออกจากสถานพินิจฯ และถูกจับกุมได้เจ้าหน้าที่นำตัวไปรอสอบปากคำถึงสาเหตุที่หลบหนี โดยทุกคนพยายามจะชี้แจงข้อเท็จจริงแก่ผู้สื่อข่าวให้ได้ แต่ถูกเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ พยายามกีดกันไม่ให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าว ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่เกิดเหตุนางทัศนวิลัย ไกรนรา
ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สุราษฎร์ธานี ติดราชการที่กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จึงพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงให้ข้อเท็จจริงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน โดยอ้างว่าต้องรอให้ ผอ.สถานพินิจฯ เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ ก่อนจึงจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ สำหรับสถานพินิจฯ แห่งนี้ มีเยาวชนอยู่ในการดูแลรวม 300 คน