นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขายเสื้อผ้าอยู่ย่านพัฒน์พงษ์
หลังจากปิดร้านได้เดินทางกลับบ้านพักย่านโชคชัย 4 ระหว่างทางกลับบ้าน ช่วงเวลาประมาณ 03.30 น.ขับรถมาจอดติดสัญญาณไฟจารจรบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว เพื่อมุ่งหน้าไปบางกะปิ โดยจอดอยู่เป็นคันที่ 2 ขณะที่ได้รับสัญญาณไฟเขียวได้เคลื่อนรถยนต์ไปได้ประมาณ 3-5 เมตร ปรากฎว่าได้ยินเสียงลักษณะคล้ายของแข็งหล่นลงมาจากบนสะพานลอยก่อนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าวใส่หลังคารถอย่างแรงและเสียงดัง จึงตกใจมากแต่ไม่สามารถจอดรถลงมาดูได้เนื่องจากกำลังขับรถข้ามแยกและเป็นช่วงสัญญาณไฟเขียว เกรงว่าจะชนกับผู้ขับขี่รถคันอื่น เมื่อผ่านแยกมาแล้วประมาณ 20 เมตรจึงเลี้ยวรถเข้าไปในปั๊มปตท.เพื่อตรวจสอบร่องรอยของเสียง
"เมื่อลงมาดูบริเวณบนหลังคาของรถไม่พบร่องรอย แต่เมื่อเดินไปดูที่กระโปรงด้านหลังของรถก็พบว่ามีรอยบุบกระเทาะลงไปถึงสี 2 รอย เชื่อว่าน่าจะมีคนโยนก้อนหินลงมาจากบนสะพานลอยใส่รถของผม จึงได้วิ่งย้อนกลับไปดูที่บนสะพานลอยก็ไม่เห็นกลุ่มคนร้ายแล้ว รู้สึกเจ็บใจมากเพราะรถคันดังกล่าวเพิ่งซื้อมาได้ 3 เดือน" นายสัมพันธ์ กล่าว
พ่อค้าขายเสื้อผ้ากล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์เรียกประกันมาตรวจสอบเพื่อนำใบเครมนำรถไปซ่อม
ทั้งนี้ยังได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากทางรายการร่วมด้วยช่วยกันเพื่อประกาศหาพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์มาแจ้งเบาะแสหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีด้วย นอกจากนี้ทางรายการยังช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมตรวจสอบ และเข้าแจ้งความดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้พร้อมกับออกสืบหากลุ่มคนร้ายแล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.อาคม กล่าวว่า
หลังรับแจ้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนออกสืบหาตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด เบื้องต้นเป็นเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกับมีผู้โยนของแข็งขนาดเล็กลงมาจากที่สูง เชื่อว่าน่าจะเป็นก้อนหินขนาดเล็ก ถูกโยนลงมาจากบนสะพานลอย และมากระแทกโดนช่วงกระโปรงด้านหลังของรถผู้เสียหายจนเป็นรอยบุบกระเทาะไปถึงสีรถยาวประมาณ 1 นิ้ว 2 รอย อย่างไรก็ตามไม่น่าจะเป็นการก่อเหตุเพื่อชิงทรัพย์ เพราะถ้าหากต้องการก่อเหตุปาก้อนหินเพื่อชิงทรัพย์ต้องอยู่ในที่ราบไม่ใช่บนที่สูง คาดว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อความคึกคะนอง