กรรมจี้ตูด"แม้ว" ศาลรื้อคดีแจ้งความเท็จ"ชิงเครื่องส่ง IBC"
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2549 21:29 น.
นักธุรกิจมะกันฟ้องอาญาทักษิณฐานแจ้งความเท็จ คดีชิงอุปกรณ์"ไอบีซี"เมื่อ 10 กว่าปีก่อน พร้อมงัดคำพิพากษาคดีเก่าเทียบเคียง ศาลประทับฟ้อง นัดไต่สวน19 มิ.ย.นี้ ชี้หากผิดจริงโทษจำคุก 7 ปี ด้าน ไกรศักดิ์อัดซ้ำไม่เคยรู้เรื่องเทคโนโลยีดีแต่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งคน พร้อมแฉข้อมูลเพิ่ม เคยสัญญาเจรจานอกศาลแต่ตระบัดสัตย์ ยันไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง ระบุ ถึงไม่มีเรื่องนี้ก็หมดความชอบธรรมอยู่ดี
วันนี้(3พ.ค.) ที่รัฐสภา นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา อดีตประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ พร้อมด้วยน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ รักษาการ ส.ว.อุลราชธานี ได้นำนายวิลเลียม ไลล์ มอนซัน ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริษัท CLEARVIEW WIRELESS บริษัทสัญชาติอเมริกัน ที่อ้างว่าเคยร่วมทำธุรกิจเคเบิลทีวีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแถลงข่าวถึงกรณีที่ศาลอาญาประทับรับฟ้องพร้อมนัดไต่สวนกรณีที่นายวิลเลียม ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณในข้อหาแจ้งความเท็จ โดยมีนายประมุท สูตะบุตร อดีต ผอ.อสมท ร่วมแถลงข่าวด้วย
ทั้งนี้ นายวิลเลี่ยมได้เล่าถึงเหตุการณ์เป็นภาษาอังกฤษ โดย นายประมุท ได้ลำดับในสิ่งที่นายวิลเลี่ยมบรรยาย ว่า นายวิเลี่ยมได้ร่วมทำธุรกิจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตั้งบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง คอปอเรชั่น จำกัด (ไอบีซี) โดยข้อตกลงเดิมตนเองจะอยู่ในฐานะผู้ร่วมลงทุน และที่ผ่านมาได้เป็นคนสั่งซื้อและนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ ขณะที่ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ทำหน้าที่ประสานและขอสัมปทานตามกฎหมายไทย แต่ธุรกิจได้สะดุดลงเพราะรัฐบาลขณะนั้นยังไม่มีนโยบายให้เอกชนทำธุรกิจเคเบิลทีวี จึงนำอุปกรณ์ไปฝากไว้ที่บริษัท ชินวัตร จำกัด
นายประมุท กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มาเป็นรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ ทั้งสองคนจึงประสงค์ที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวไปให้กับรัฐบาลใหม่ โดยในระหว่างนั้นได้มีการย้ายเครื่องส่งจากตึกอโศกทาวเวอร์มาไว้ที่ตึกชินวัตร อย่างไรก็ตามรัฐบาลตกลงที่จะให้บริษัทไอบีซีร่วมทำกับ อสมท. ใน พ.ศ.2532 โดยมีข้อตกลงว่าบริษทไอบีซีจะต้องส่งมอบเครื่องส่งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมาส่งมอบให้กับ อสมท. ทางบริษัทไอบีซีจึงต้องการได้อุปกรณ์ดังกล่าว แต่นายวิลเลี่ยมไม่เห็นด้วยที่จะทำธุรกิจนี้ต่อไป และได้ซื้ออุปกรณ์พวกนี้ในนามส่วนตัวไปแล้ว เมื่อไม่ยอม ต.ท.ทักษิณ จึงได้แจ้งความที่ สน.ทองหล่อ ให้มายึดเครื่องส่งไปที่ อสมท. พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิลเลี่ยม ในข้อหายักยอกทรัพย์ ทั้งยังกล่าวหาว่านายวิลเลี่ยมมีฐานะเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ใช่ผู้ร่วมทุน จนเรื่องไปถึงอัยการสั่งฟ้อง โดยมีทางบริษัทไอบีซี มาเป็นโจทก์ร่วมฟ้องด้วย ซึ่งทางศาลชั้นต้นตัดสินในตอนนั้นให้นายวิลเลี่ยมไม่ผิดในข้อหายักยอกทรัพย์ และมีการสู้คดีไปถึงศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา แต่ก็ยังตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นในปี พ.ศ.2537
จากนั้นทางนายวิลเลี่ยมได้ทำการฟ้องโจทก์ผู้ร่วมฟ้องที่ศาลอาญาใต้กลับ ฐานทำการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จในศาลเมื่อเดือน มิ.ย. 2538 แต่ก่อนหน้านั้นทางบริษัทไอบีซีก็ได้ไปฟ้องศาลแพ่งเพื่อให้ตัดสินกรณีพิพาทว่าใครเป็นเจ้าของเครื่องกันแน่ เพราะในคดีอาญาไม่ได้ตัดสินว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของใคร แต่ทางบริษัทไอบีซีได้ร้องไปที่ศาลอาญาว่าให้รอคำตัดสินของศาลแพ่งก่อน ซึ่งศาลอาญาเองก็ได้ระงับคดีไว้ชั่วคราว และปรากฎว่าศาลแพ่งก็ตัดสินเช่นกันว่านายวิลเลี่ยมไม่ได้ยักยอกทรัพย์และทรัพย์นั้นก็เป็นของนายวิลเลี่ยมที่ซื้อมาอยู่เดิม รวมทั้งศาลอุทธรณ์ก็ยังตัดสินตามศาลแพ่งเช่นกันเมื่อปี พ.ศ.2547 นายประมุทกล่าว
อดีต ผอ.อสมท. กล่าวต่อว่า ดังนั้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงได้ไปฟ้องที่ศาลอาญาเพราะเห็นว่าคดีแพ่งได้มีการตัดสินไปแล้ว จึงเห็นว่าควรถึงเวลาที่ศาลอาญาจะนำคดีที่นายวิลเลียมเป็นฝ่ายฟ้องกลับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งความเท็จขึ้นพิจารณาหลังก่อนหน้านี้ศาลอาญาได้ระงับคดี โดยล่าสุดศาลอาญาได้รับที่จะไต่สวนคดีในวันที่ 19 มิ.ย. 2549 โดยโทษสูงสุดของของคดีมีโทษจำคุกถึง 7 ปี
ด้าน นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า การที่นายวิลเลี่ยมมาขอความเป็นธรรมกับรักษาการ ส.ว. เพื่อต้องการให้เรื่องดังกล่าวรับรู้ในทางสาธารณชน เพราะที่ผ่านมาถูกกลั่นแกล้งว่าเป็นฝ่ายยักยอกทรัพย์ ทั้งที่ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงนักธุรกิจ แต่ปัจจุบันอยู่ในสถานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จึงต้องการให้สังคมร่วมตรวจสอบ และการนำนายวิลเลียมมาแถลงข่าวยืนยันว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่เป็นจังหวะเวลาที่ศาลแพ่งมีคำตัดสินในคดียักยอกทรัพย์ และขณะนี้นายวิลเลียมไม่ได้ขอให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษหรือช่วยเจรจากับตำรวจ แต่ตนเห็นว่าในฐานะเคยรับผิดชอบด้านกรรมาธิการต่างประเทศอยากมีส่วนร่วมเพื่อเป็นการยืนยันให้ชาวต่างชาติเห็นว่าสังคมไทยยังให้ความเป็นธรรมกับชาวต่างชาติที่จะมาลงทุนในประเทศไทย
คุณทักษิณไม่เคยรู้เรื่องเทคโนโลยีอะไรเลยแต่กลับใช้กลไกอำนาจมากลั่นแกล้ง และยังมาฟ้องเขาอีก รวมทั้งยังมีการตกลงกันแล้วเรื่องนี้จะไม่ให้เป็นแบบบัวช้ำน้ำขุ่นกันนอกศาล แต่ก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นเขาจึงเกรงคุณทักษิณในสถานะที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ นอกจากนี้เมื่อ 5 - 6 ปีก่อนนายวิลเลี่ยมยังไปเจอกับคุณทักษิณที่ฮ่องกง โดยมีการพูดกันแบบส่วนตัวแล้วว่าจะทำการตกลงกันนอกศาล แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ประกอบคุณทักษิณก็ได้พูดชั้นศาลเช่นกันว่าจะตกลงนอกศาลแต่ก็ไม่ทำ ฉะนั้นจะให้ไปขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลก็คงไม่ได้ เขาจึงมาขอกับรักษาการ ส.ว. และสำหรับคุณทักษิณถือว่าหมดความชอบธรรมในการเป็นนายกฯ ไปแล้วและถึงไม่จะไม่มีเรื่องนี้คุณทักษิณ ก็หมดความชอบธรรมเช่นกัน นายไกรศักดิ์ กล่าว