รอลงอาญาจำคุกอดีต ขรก.หื่นบีบหน้าอกนางฟ้าบินไทย

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2549 13:49 น.

ศาลตัดสินคุก 15 เดือน ปรับ 1.5 หมื่น ประธานบริษัทสาหร่าย อดีตข้าราชการซี 8 กรมทางหลวง จับหน้าอกแอร์สาวเจ้าจำปี แต่จำเลยเคยรับเครื่องราชฯ ประกอบกับไม่เคยกระทำผิด เหลือโทษรอลงอาญา 2 ปี ขณะที่แอร์สาวเผยอยากเห็นจำเลยรับโทษ เพราะหวั่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

วันนี้ (3 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 810 ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายชาญชัย พิจิตรภักดีกุล อายุ 47 ปี อดีตข้าราชการซี 8 กรมทางหลวง อยู่บ้านเลขที่ 350 หมู่ 1 ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลัง จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด

คำพิพากษาใจความว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2546 ขณะที่ น.ส.ชุติพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 แอร์โฮสเตสประจำสายการบินไทย โจทก์ร่วม กำลังให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารที่เดินทางโดยเที่ยวบินที่ TG-517 ออกเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ถูกนายชาญชัย จำเลย โดยขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท แอดวานซ์ สไปรูลิน่า ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากสาหร่ายสไปรูลิน่า เรียกหาพนักงานต้อนรับให้ไปเสิร์ฟสุราหลายครั้ง ขณะที่ น.ส.ชุติพร ผู้เสียหายกำลังโน้มตัวไปเก็บถาดอาหารใกล้ที่นั่งนายชาญชัย จึงถูกจำเลยลวนลามด้วยการจับมือและบีบหน้าอก ผู้เสียหายตกใจและได้ตักเตือนจำเลย

นอกจากนี้ ในเที่ยวบินเดียวกัน จำเลยยังได้ลวนลาม นางอภิรดี (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.พรรณสิยา (ขอสงวนนามสกุล) ผู้โดยสารอีกด้วย ขณะที่เดินสวนกันระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ โดยจำเลยใช้มือจับและลูบบริเวณตะโพกและต้นขาของผู้เสียหาย จนผู้เสียหายต้องแจ้งเรื่องดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ของสายการบินทราบ และเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับจำเลยหลังเดินทางกลับประเทศไทย

จำเลยได้ให้การปฏิเสธมาตลอด โดยเบิกความว่าในเที่ยวบินดังกล่าวจำเลยได้ที่นั่งในชั้นประหยัด ทำให้เก้าอี้นั่งมีขนาดเล็ก แต่จำเลยเป็นคนรูปร่างใหญ่ ขณะที่นั่งอยู่นั้นแขนของจำเลยอาจยื่นออกมานอกเก้าอี้ได้ และไปถูกแอร์ฯ โดยไม่ได้เจตนา โดยจำเลยไม่ได้กระทำอนาจารจับหน้าอกของผู้เสียหายตามที่ถูกกล่าวหา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบต่อสู้กันเชื่อว่า โจทก์มีพยานซึ่งเป็นผู้เสียหายทั้ง 3 ปาก เบิกความสอดคล้องกัน ยืนยันว่าถูกจำเลยลวนลามจริง อีกทั้งฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นสุภาพสตรี ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริงคงไม่นำเรื่องมาฟ้องร้อง ส่วนการที่นายชาญชัยอ้างว่าเป็นคนรูปร่างใหญ่แต่เก้าอี้โดยสารมีขนาดเล็กอาจทำให้แขนยื่นออกมาจนไปถูกตัวผู้เสียหายได้นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะจำเลยไม่ได้ให้การในเรื่องนี้ในชั้นสอบสวน ซึ่งไม่มีเหตุที่จำเลยจะปกปิดคำให้การในชั้นสอบสวน จึงเชื่อว่านายชาญชัยกระทำผิดจริงตามฟ้อง

ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลัง ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 เดือน ปรับ 5,000 บาท รวม 3 กระทง รวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 15 เดือน ปรับ 15,000 บาท แต่เนื่องจากนายชาญชัย เคยรับราชการประกอบคุณงามความดีมาก่อนจนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น น.ส.ชุติพร กล่าวว่า ตนเคารพในคำตัดสินของศาล แต่ในความรู้สึกแล้วอยากให้จำเลยได้รับการลงโทษ เพราะตนไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้กับคนอื่นอีก แต่ถ้าคนกระทำผิดได้รับโทษเพียงแค่รอลงอาญา อาจมีบางคนที่กระทำอนาจารในลักษณะนี้ได้อีก เพราะเห็นว่าไม่ได้รับโทษ ซึ่งก็จะเกิดเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้ ส่วนเรื่องจะอุทธรณ์คดีหรือไม่นั้นต้องขอปรึกษาทนายความก่อน