พิลึก! คำสั่งตั้งทีมสอบ ทักษิณ หมิ่นเบื้องสูงเพิ่งโผล่!

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤษภาคม 2549 12:23 น.

ผบช.ก.เซ็นตั้งทีมสอบสวนคดีฟ้อง ´ทักษิณ´ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากการปราศรัยหลายครั้ง และการหาเสียงหลายพื้นที่ โดยสั่งตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. แต่กลับปิดเงียบและเพิ่งเปิดเผยข่าว ขณะที่หัวหน้าทีมสอบเรียกผู้กล่าวหาสอบปากคำแล้วเมื่อวาน ยันทำคดีไปตามพยานหลักฐาน

วันนี้ (2 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) มีคำสั่งแต่ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

จากกรณี นายการุณ ฉายแก้ว ได้มีหนังสือกล่าวโทษ ลงวันที่ 13, 20 และ 27 มีนาคม 2549 ต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กับพวก ในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ และความมั่นคงภายในของรัฐ กรณีคำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในงาน นายกฯ พบแท็กซี่ ณ อินเดอร์สเตเดียมหัวหมาก, ในรายการ นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ในวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 การประกาศยุบสภาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับพวก, การละเมิดหรือตีตนเทียบเท่าพระเจ้าอยู่หัว ที่สามารถพิจารณาได้จากแผ่นป้าย-กระดาษคาดศีรษะที่มีข้อความ เรารักทักษิณ ที่ได้นำมาแจกประชาชนผู้ที่สนับสนุน และการนำธงเฉลิมพระเกียรติที่ได้มีข้อความว่า ทรงพระเจริญ มาแจกให้กับประชาชนคอยโบกต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ โดยนายการุณ ฉายแก้ว เห็นว่าการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ที่ไม่อยู่ในเขตการดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงขอให้ดำเนินคดีนั้น

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา แต่เนื่องจากการกระทำตามที่นายการุณ ฉายแก้ว กล่าวอ้างเป็นการกระทำที่เกิดในหลายท้องที่ เป็นคดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ และความมั่นคงภายในประเทศ เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ได้ผลสมความมุ่งหมายของราชการ

จึงแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนี้
1.พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน 2.พ.ต.อ.ฉลองชัย บุรีรัตน์ รอง ผบก.ป. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีชุดสอบสวนประกอบด้วย พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรียนเมฆ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ท.เชิดศักดิ์ อภินันทนีสถิต รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ท.เอกรักษ์ พัฒนาดี สารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ท.ยุทธ กล่ำกล่อมจิตร พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ท.ธัชพล ภูริโภไคย พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม, พ.ต.ต.สุรชัย โลหะนาคบุตร พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม, ร.ต.อ.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน (สบ.1) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม, ร.ต.ท.สิทธิศักดิ์ หล๋อโตน พนักงานสอบสวน (สบ.1) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม, ร.ต.ท.จรูญ ทองนุ่น พนักงานสอบสวน (สบ.1) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม

โดยให้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิด หรือมีความผิดอื่นที่เกี่ยวพันกัน ก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้นๆ ด้วย แล้วรายการผลให้ทราบทุกระยะ

อนึ่ง ในการสอบสวนให้พนักงานสืบสวนสอบสวนพึงระมัดระวังเรื่องอำนาจการสอบสวน โดยจะต้องมีพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจสอบสวนร่วมทำการสอบสวนด้วยทุกครั้ง

ด้าน พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวน เปิดเผยกับทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ทำการสอบปากคำนายการุณ ฉายแก้ว ผู้กล่าวหาไปแล้ว โดยตนได้สั่งกำชับให้พนักงานสอบสวนทำการรวมรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นการกล่าวหาว่ากระทำความผิดในต่างกรรม ต่างเวลา และต่างสถานที่

ต่อข้อถามที่ว่า การทำคดีนี้มีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. แต่ทำไมเพิ่งมาสอบปากคำผู้กล่าวหา เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.เอกรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนในคดีนี้ส่วนใหญ่เป็นตำรวจจากกองปราบปราม และหลายคนก็มีคดีอื่นที่เกี่ยวข้องต้องดูแล อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าจะทำคดีไปตามพยานหลักฐานอย่างเคร่งครัด และไม่มีความกดดัน ถึงแม้ผู้ที่ถูกล่าวหาจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม