เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 30 พ.ย. ร.ต.ท.ประวัติ คชรัตน์ ร้อยเวร สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทองที่ร้านทองประกาย
ตั้งอยู่เลขที่ 25/3 ถนนดอนนก ต.ตลาด จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและพร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก.พ.ต.ท.นพดล ถิระประวัติ รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.สุวัฒน์ สุขศรี รอง ผกก.ป.พ.ต.ท.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ สวป. และ พ.ต.ท.โยธินทร์ สิทธิโยธี สว.สป.นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมสามแยกถนนราษฎร์อุทิศตัดกับถนนดอนนก
เจ้าของร้านทอง ยิงโจรเลือดสาด
ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายทอง พบนายธเนศร์ คงเมือง อายุ 61 ปี เจ้าของร้านยืนถือปืนพก .38 รอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในอาการตื่นตระหนก
พร้อมเปิดเผยเหตุการณ์ว่า ขณะเกิดเหตุกำลังขายทองอยู่ในร้านเพียงลำพัง ระหว่างนั้นมีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 1 คน อายุประมาณ 30 ปี ผิวเนื้อดำแดง ไว้ผมรองทรง สวมเสื้อยืดสีขาว สวมเสื้อยีนแขนยาวทับด้านนอก กางเกงยีนสีน้ำเงิน สะพายกระเป๋าเป้สีน้ำตาล ทำทีเป็นลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน พอเห็นปลอดคนได้ล้วงเอามีดพกในเป้จี้ขู่บังคับไม่ให้ขัดขืน
จากนั้นคนร้ายพยายามกระโดดข้ามตู้โชว์เข้ามาหลังเคาน์เตอร์ที่ยืนอยู่และได้ฮึดสู้ผลักคนร้ายจนเสียหลักตกลงจากตู้โชว์ แต่คนร้ายลุกขึ้นกระโดดข้ามมาจนได้แล้วเก็บกวาดสร้อยทองรูปพรรณในตู้โชว์ ใส่กระเป๋าสะพายจำนวน 43 เส้น น้ำหนักรวม 24 บาท ขณะคนร้ายกำลังวิ่งหนีออกจากร้านได้เปิดลิ้นชักคว้าปืนพกยิงใส่คนร้ายไป 1 นัด กระสุนถูกบริเวณหน้าอกคนร้ายบาดเจ็บ แต่กระเสือกกระสนวิ่งหนีไปทางถนนดอนนกแล้วเรียกรถตุ๊กตุ๊กหลบหนีไป
หลังสอบสวนรายละเอียดเบื้องต้น พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก. จึงนำกำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้าย พร้อมวิทยุสกัดจับ ระหว่างนั้น ส.ต.อ.เวชศักดิ์ จุลอดุง และ ส.ต.อ. ไพบูลย์ อยู่เย็น ผบ.งานป้องกันปราบปราม
ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ขี่รถผ่านบริเวณหมู่บ้านมุกธานี 1 ห่างจากร้านทองที่เกิดเหตุประมาณ 800 เมตร พบรถตุ๊กตุ๊กสีฟ้าขับสวนมา บนรถมีผู้โดยสารรูปพรรณตรงกับคนร้ายที่ได้รับแจ้ง จึงเรียกขอตรวจค้น ปรากฏว่าคนร้ายไหวตัวพยายามวิ่งหนีลงจากรถ แต่ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไว้ได้ทันควัน ทราบภายหลังชื่อนายบรรจพงษ์ เงินเลี่ยม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 1 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ในสภาพมีบาดแผลถูกยิงเข้ากลางอกเลือดไหลชุ่มโชก ตรวจค้นในกระเป๋าสะพายของคนร้ายพบของกลางสร้อยคอทองคำทั้ง 43 เส้น ที่จี้ชิงมาและอาวุธมีดพก 1 เล่ม จึงคุมตัวพร้อมของกลางส่งมอบพนักงานสอบสวน
จากการสอบปากคำนายบรรจพงษ์ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เดินทางจาก อ.ไชยา เข้ามาในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี แล้วเดินเตร่แบบไร้จุดหมาย เนื่องจากไม่มีเงินติดตัว กระทั่งมาถึงร้านทองที่เกิดเหตุ จึงตัดสินใจบุกเข้าไปก่อเหตุจี้ชิงทองและถูกเจ้าของร้านใช้อาวุธปืนยิงบาดเจ็บก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมดังกล่าว สำหรับร้านทองที่เข้าไปก่อเหตุนั้นเคยมาดูลาดเลาทำทีเป็นลูกค้าเข้าไปดูสร้อยทองมาหลายครั้ง