กะเทาะเปลือกหนุ่มขี้โมโห เผาจิ๋ม-ทุบเมียยันจับลูกโยนบ่อน้ำ !

ความผิดพลาดของชีวิตคือการที่เราไม่รู้ว่าได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป เฉกเช่น "ปรีชา ชูบรรจง" ที่ฆ่าภรรยาตัวเองอย่างโหดเหี้ยม ทุบตี จุดไฟเผาอวัยวะเพศ หรือแม้แต่ลูกสาววัย 12 ยังถูกทุบตีไปจนถึงจับโยนบ่อน้ำ


คดีอาชญากรรมส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากความมึนเมายิ่งคดีที่เกี่ยวข้องกับเพศก็มักจะพ่วงความหึงหวงเข้าไปด้วย แต่กระนั้นเมื่อเวลาผ่านพ้นไปสักระยะ ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่จะสำนึกผิดบาปที่ก่อขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้เลยกับ "ปรีชา ชูบรรจง" วัย 38 ปี สามีที่ทำร้ายภรรยาจนพบจุดจบของชีวิตด้วยความทารุณกรรม !


กลางดึก27 พฤศจิกายน 2550 ภายในบ้านไม้ 2 ชั้นเก่าคร่ำคร่า 

เลขที่ 88 หมู่ 1 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สามีภรรยาเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ก่อนจะตามมาด้วยการลงมือทุบตีทำร้ายร่างกาย ท้ายที่สุดฝ่ายภรรยาถูกทารุณกรรมจนสะบักสะบอม ปรากฏบาดแผลสาหัสสากรรจ์ทั่วร่าง ก่อนจะสิ้นใจที่โรงพยาบาล แม้แพทย์จะเยียวยาอย่างไรก็สุดความสามารถ "จุฑามาศ ทวีศรี" หญิงสาวจากเชียงราย วัย 40 ปี คือเหยื่อของการทารุณนั้น เธอมีบาดแผลที่หน้าผากคล้ายถูกของแข็งทุบอย่างแรง ขอบตาเขียวช้ำ ใบหน้าบวมปูด แผ่นหลังมีรอยถลอกและผิวหนังกำพร้าเปิดลอกคล้ายถูกน้ำร้อนลวก ประกอบกับมีเขม่าดำติดอยู่ขอบแผลเหมือนถูกไฟเผา แขนทั้งสองข้างมีแผลลึกคล้ายถูกเฉือนด้วยของมีคม
 

เพียงแค่นี้ก็เพียงพอให้หญิงสาวถึงแก่ชีวิตแล้วกระนั้นคนทำยังแสดงออกถึงความโหดเหี้ยมสุดบรรยาย 

เมื่อปรากฏบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ มีร่องรอยคล้ายถูกของแข็งทิ่มทะลวงมีเลือดออกจากช่องคลอดตลอดเวลา ตลอดจนมีรอยถูกไฟเผาไหม้ดำ !!! ส่วนฆาตกรรายนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ ปรีชา ชูบรรจง สามีของเธอนั่นเอง !?! บัดนี้ปรีชาถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องควบคุมสภ.พระสมุทรเจดีย์ "คม ชัด ลึก" เดินทางไปติดต่อขอเข้าเยี่ยมเพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะผ่านมาเกือบ 18 ชั่วโมงแล้ว ทว่าปรีชายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นความผิดพลาด เป็นอาชญากรรม ผิดกฎหมาย ตรงกันข้ามกลับโยนความผิดไปให้ฝ่ายภรรยาแทน "เขาโกหกผม" ปรีชา ระบาย ก่อนจะมาอยู่กินกับจุฑามาศ ปรีชาแต่งงานอยู่กินกับภรรยาคนก่อนจนมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 12 ปี คนเล็ก 8 ขวบ แต่แล้วด้วยความเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโห และใช้กำลังทุบตี ภรรยาทนอยู่ด้วยไม่ได้ จึงแยกทางกันได้ปีเศษ กระทั่งมารู้จักกับ จุฑามาศ และตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อ 5 เดือนก่อน 


ดูเหมือนว่าปรีชาเองก็ตระหนักดีในข้อเสียของเขากระนั้นชายหนุ่มก็ไม่อาจปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ตรงกันข้ามนับวันรังแต่จะทวีความฉุนเฉียวกราดเกรี้ยวอย่างไม่มีเหตุผล จนแม้แต่จุฑามาศเองก็แทบจะทนไม่ได้
 

ปรีชาสารภาพผ่านลูกกรงห้องควบคุม สภ.พระสมุทรเจดีย์ว่า สาเหตุที่ทำลงไปเกิดจากความรักและหึงหวง ซึ่งแทบจะฟังไม่ขึ้นเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจุฑามาศ  "เขาโกหกผมว่าทำโอทีล่วงเวลาที่บริษัท ผมไม่เชื่อ เพราะระแคะระคายมาว่าเขาเริ่มนอกใจ" ปรีชา ยังคงย้ำคำว่าภรรยาโกหกอยู่เป็นระยะๆ ก่อนเกิดเหตุเป็นอีกวันที่จุฑามาศกลับบ้านผิดเวลาปรีชาที่รอคอยการกลับมาของภรรยาอย่างกระวนกระวาย จึงไปซื้อเบียร์มาดื่มที่หน้าบ้านพัก ขวดแรกผ่านไปหญิงสาวก็ยังไม่กลับ ขวดที่สอง และขวดที่สามหมดไปในเวลาไม่นานนัก จุฑามาศจึงปรากฏตัวเอาตอน 4 ทุ่มเศษ ปรีชาตรงเข้าไปสอบถาม

"ไปไหนมา ทำไมถึงกลับบ้านช้า" คำตอบที่ได้รับยังคงเหมือนเดิมคือทำงานล่วงเวลา ! ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่จุฑามาศบอกนั้นเป็นจริงหรือไม่ 

ทว่าปรีชาเองกลับไม่รอการพิสูจน์และเริ่มหมดความอดทน ด้วยความใจร้อนประกอบกับอารมณ์ที่คุกรุ่น จึงชกเข้าที่หน้าและเตะเข้าตามลำตัวหลายครั้ง 

จนอีกฝ่ายตกลงไปในบ่อน้ำข้างบ้าน ความรุนแรงในครอบครัวยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น ตรงกันข้ามกลับบานปลายกลายเป็นคดีฆาตกรรมในเวลาต่อมา  ปรีชาตรงไปฉุดดึงจุฑามาศที่แทบหมดสติอยู่ในบ่อน้ำขึ้นมาลากเข้าไปที่ห้องน้ำล้างเนื้อตัวแล้วกระชากถูลู่ถูกังขึ้นไปบนบ้าน แล้วฉากการทารุณกรรมคำรบสองก็เกิดขึ้น จะเป็นเพราะความโมโหหรือประชดประชันเพื่อให้ถึงขั้นแตกหักก็ตามแต่ จุฑามาศบอกกับสามีผู้มีโมหะเข้าครอบงำว่า สาเหตุที่กลับบ้านช้าเพราะไปเที่ยวกับชายอื่นมาจริง ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเก่า
 

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นชายหนุ่มวัย 38 ปี เลือดขึ้นหน้า ตรงเข้าไปหยิบฝักดาบตีเข้าที่กลางหลังแล้วใช้น้ำร้อนราดตัวจนหมดสติ ก่อนจะใช้ไฟแช็กจุดเผาขนเพชรบริเวณหัวเหน่าและอวัยวะเพศ กระทั่งตำรวจมาถึง !


"ผมไม่รู้ว่าเมียตาย เพิ่งมารู้ทีหลัง" ปรีชาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน แม้จะปฏิเสธอย่างไรมาถึงวันนี้ปรีชากลายเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายโดยเจตนาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม อารมณ์ฉุนเฉียว ขี้โมโห และมักแสดงออกด้วยการทำร้ายร่างกายคนรอบข้างไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับอดีตภรรยาทั้งสองคนของเขาเท่านั้น แม้แต่ลูกสาวหรือแม่วัยกลางคนต่างก็เคยโดนทำร้ายมาแล้วทั้งสิ้น "หนูเคยโดนพ่อตีอย่างหนัก พ่อดื่มเบียร์แล้วโมโหที่หนูพูดอะไรไม่ถูกใจ ไม่พอใจอะไรก็ตีหนู บางครั้งก็ถูกจับโยนลงบ่อน้ำข้างบ้าน หนูกลัวพ่อมาก" เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ลูกในไส้กล่าวถึงบุพการีด้วยอาการหวาดหวั่น ไม่ต่างอะไรกับแม่วัยกลางคนที่ขายอาหารตามสั่งอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางนา เมื่อทราบข่าวว่าลูกชายต้องติดคุก เพราะก่อคดีทำร้ายร่างกายภรรยาเสียชีวิต "ให้มันติดคุกอีกก็ดี คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน มันเป็นคนขี้โมโห ชอบดื่มเหล้าเมายา ไม่เฉพาะเมียมันที่ถูกทำร้าย เวลามันไม่พอใจลูกสาว มันก็ยังโดน" 



ความผิดพลาดที่สุดของชีวิตคือการที่คนเราไม่รู้ว่าได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดลงไป เหมือนที่ "ปรีชา ชูบรรจง" ประสบอยู่ในขณะนี้ 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์