จับแชร์พันล้านวุ่น ก่อจลาจล ซ่า-ทำร้ายนักข่าว!

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 28 พ.ย. นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายศาล อาญา

จับกุมนายปฐม อัญสกุล อายุ 28 ปี ประธาน กก.ผจก.บริษัทอีซี่ เน็ตเวิร์ค จำกัด หัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย ผู้สมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่ม 6 เบอร์ 1 ในความผิดฐานประกอบธุรกิจผิดพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ก่อนนำไปควบคุมไว้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยการจับกุมครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษรับแจ้งจาก สคบ. ให้ดำเนินคดีบริษัทดังกล่าว หลังมีผู้เสียหายร้องทุกข์ว่า มีพฤติการณ์ดำเนินธุรกิจแบบแชร์ข้าวสาร
 

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายภิญโญประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกลุ่มงานป้องปรามการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลังกว่า 50 นาย

นำหมายค้นศาลอาญา ตรวจค้นบริษัทอีซี่ เน็ตเวิร์ค จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 165 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. โดยบริษัทดังกล่าวเป็นอาคารสูง 6 ชั้น ภายในนอกจากเป็นสำนักงานแล้ว ยังมีโกดังเก็บสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนบริเวณชั้น 6 เปิดเป็นที่ทำการพรรคไทยร่ำรวย สถานการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อนายภิญโญให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนบริเวณทางเข้าสำนักงาน มีกลุ่มสมาชิกขายตรงบริษัทอีซี่ เน็ตเวิร์ค กว่า 50 คน มายืนตะโกนให้ชี้แจงว่าบริษัททำผิดอะไร เพราะการเข้าตรวจค้นทำให้ได้รับการจ่ายเงินปันผลล่าช้า จากนั้นกรูเข้าไปทุบรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ศน 6441 กรุงเทพมหานคร ของนายภิญโญเสียหายเล็กน้อย กำลังเจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยเข้าไปในบริษัท ก่อนประสาน พ.ต.อ. มัณฑาร อภัยวงศ์ รอง ผบก.น.4 นำกำลังตำรวจสายตรวจ กว่า 30 นาย เข้าตรึงสถานการณ์ ขณะที่ด้านนอกมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่ออ้างจะรวบรวมไปฟ้องศาลปกครอง


ช่วงบ่าย สถานการณ์ตึงเครียดหนักขึ้น เมื่อมีผู้ตะโกนว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีออกข่าวดีเอสไอปิดบริษัท สร้างความโกรธแค้นให้สมาชิกขายตรงอย่างมาก

ต่างตะโกนด่าทอกลุ่มสื่อมวลชนอย่างรุนแรง ก่อนมีกลุ่มชายฉกรรจ์ปรี่เข้าล้อมรถข่าวทีไอทีวี กระชากคอเสื้อนายวิโรจน์ สุขศรี ผู้ช่วยช่างภาพทีไอทีวี จนต้องทิ้งรถวิ่งหนี เมื่อกลุ่มผู้สื่อข่าวเห็นเหตุการณ์ได้กรูเข้าช่วยเหลือจนเหตุการณ์ชุลมุน เจ้าหน้าที่ต้องเข้าระงับเหตุ แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ยังแสดงอาญาเถื่อนล้อมกรอบนายวิโรจน์ และนายปริญญา ศิวะสกุล ช่างภาพทีไอทีวี นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ ทัดเจริญ ผู้สื่อข่าวช่างภาพ นสพ.เดลินิวส์ ยังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บังคับให้ถอดการ์ดความจำกล้องออกมาหักทิ้ง ส่วนผู้ช่วยและช่างภาพทีไอทีวี ตำรวจต้องเจรจากว่า 1 ชม. ถึงช่วยเหลือออกมาได้ โดยเหตุที่เกิดขึ้น สร้างความแตกตื่นให้ผู้ที่สัญจรไปมาย่านถนนศรีนครินทร์เป็นอย่างมาก


ต่อมากลุ่มผู้สื่อข่าวช่างภาพ ประกอบด้วย นายวิโรจน์ สุขศรี ผู้ช่วยช่างภาพทีไอทีวี นายปริญญา ศิวะสกุล ช่างภาพทีไอทีวี และนายสุรศักดิ์ ทัดเจริญ ผู้สื่อข่าวช่างภาพ นสพ.เดลินิวส์

เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ในข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และทำให้เสียทรัพย์ โดย พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.น.4 เผยว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ออกหาข่าวในพื้นที่ เพราะช่วงเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีพยานที่เห็นเหตุการณ์หลายคน รวมทั้งจะประสานไปยังสื่อมวลชนที่บันทึกภาพไว้ นำภาพในที่เกิดเหตุมาให้ผู้เสียหายดูว่าใครเป็นผู้ที่ลงมือทำร้าย ส่วนรถของผู้สื่อข่าวที่ถูกทุบจนเสียหาย ได้ให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บลายนิ้วมือ และขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหาพยานหลักฐานเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดี
 

ด้านการชุมนุมประท้วงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอยืดเยื้อจนกระทั่งเวลา 18.30 น.

ภายหลังนายภิญโญ และ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ ถูกปิดล้อมอยู่ในบริษัทนานกว่า 5 ชม. กลุ่มชายฉกรรจ์ ได้ยินยอมเปิดทางให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารและอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ขึ้นรถตู้ 3 คัน กลับออกไปตรวจสอบ ในขณะที่เหตุการณ์ชุมนุมนอกบริษัทเริ่มคลี่คลาย กลุ่มผู้ ชุมนุมเริ่มทยอยกลับหลังได้รับคำยืนยันจากกรมสอบสวนคดีพิเศษจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ ขณะที่ความเสียหายพบว่า นอกจากรถยนต์ของนายภิญโญ ที่ถูกทุบบุบเล็กน้อย ยังมีรถโตโยต้า อัลติส ของสถานีโทรทัศน์ ทีไอทีวีถูกทุบบังโคลนหน้าขวาจนยุบ มีรอยกรีด และถูกน้ำมันราดจนเสียหายอีก 1 คัน
 

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า

เมื่อปี 2549 สคบ.ตรวจสอบพบว่าบริษัทอีซี่ฯจดทะเบียนขายตรงสินค้าอุปโภคบริโภค มีการจ่ายเงินตอบแทนสูงกว่ากฎหมายกำหนด เพิกถอนใบอนุญาตขายตรงเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2550 พร้อมประสานดีเอสไอดำเนินคดี เพราะตรงกับความผิดแนบท้าย พ.ร.บ. สอบสวนคดีพิเศษ การกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความโลภ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เบื้องต้นพบว่าบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 1 พันล้านบาท มีสมาชิกกว่า 1 แสนคน ทั่วประเทศ อีกทั้งเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้จัดงานที่สนามราชมังคลากรีฑาสถาน มีสมาชิกร่วมงานกว่า 5 หมื่นคน มีการจับสลากหางบัตร แจกบ้านเดี่ยว รถกระบะ มอเตอร์ไซค์ โดยเตรียมจัดงานใหญ่แจกรางวัลสมาชิกอีกครั้งในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ที่เมืองทองธานี สมาชิกบริษัทฯมั่นใจมากว่าแผนการตลาดดังกล่าวทำให้หลุดพ้นจากความยากจนได้ แต่เจ้าหน้าที่รัฐมองว่า เมื่อไหร่ที่ไม่มีเงินจากสมาชิกใหม่จ่ายเลี้ยงระบบเครือข่ายลูกโซ่ดังกล่าวจะล้มลง ไม่มีเงินจ่ายสมาชิก ทำให้ประชาชนหมดตัวในที่สุด


ส่วนแผนการตลาดที่ดีเอสไอเชื่อว่า จ่ายเงินตอบ แทนในอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด
 
คือสมาชิกต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีกว่า 100 ชนิดให้ได้ตามราคาที่กำหนดไว้ ถึงได้รับหุ้น 1 หุ้น มีสิทธิรับเงินตอบแทน 2 พันบาท ภายใน 5 เดือน เช่น สมาชิกต้องซื้อข้าวสารหอมมะลิ 1,450 บาท ได้รับ 1 หุ้น และหางบัตรชิงรางวัล 1 ใบ เมื่อครบ 2 เดือน สมาชิกได้รับเงินปันผล 500 บาท ครบ 3 เดือน สมาชิกได้รับอีก 1,500 บาท โอนผ่านบัญชีธนาคาร สมาชิกรายใดไม่ต้องการรับข้าวสารคืน บริษัทฯจะคืนเงินให้อีก 750 บาท เท่ากับว่าสมาชิกลงทุนจ่ายเงินสดทุก 700 บาท จะได้กำไร 1,300 บาท ภายใน 5 เดือน พร้อมให้หางบัตรส่งชิงรางวัลใหญ่


นายจิระชัย มูลทองโร่ย ผอ.กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า

บริษัทอีซี่ เน็ตเวิร์ค มาร์เกตติ้ง จำกัด จด ทะเบียนทำธุรกิจขายตรงกับ สคบ. ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2548 ช่วงแรกยังทำธุรกิจขายตรงตามปกติ แต่ช่วงหลังไม่ดำเนินธุรกิจตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ในวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา นางรัศมี วิศทเวทย์ เลขาธิการ สคบ.ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ขายตรง และตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายตรงบริษัทดังกล่าว เพื่อไม่ให้ประกอบธุรกิจขายตรงได้อีก และจากการถูกจับกุม ทางผู้บริหารของบริษัทฯจะต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมและฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ที่มีบัญชีแนบท้ายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการ รวมทั้งจะถูกตั้งประเด็นว่าทำผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 ด้วยหรือไม่


ด้านนายยุทธ ยุทธนา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยร่ำรวย เขตบางกะปิ กล่าวว่า

บริษัทฯทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นำหลักสหกรณ์มาแก้ปัญหาความยากจน ยึดหลักแปลงรายจ่ายเป็นรายได้ แปลงหนี้สินเป็นทรัพย์สิน ให้สมาชิกทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของกิจการ ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ แชร์ข้าวสาร พวกตนถูกรังแกจนต้องตั้งพรรคการเมือง ส่งผู้สมัครลงครบทุกเขตทั้ง 2 ระบบ 480 คน ที่ จ.เชียงใหม่ เช้าวันเดียวกัน ร.ต.ท.สมคิด ภูสด ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงใหม่ รับแจ้งจาก น.ส.จินตนา คำฟองเครือ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152/5 ถนนระแกง ต.ช้างคลาน ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา จอดรถกระบะยี่ห้อมาสด้า ทะเบียน ผจ 1647 เชียงใหม่ ไว้ริมถนนหน้าบ้าน ถูกคนร้ายใช้ก้อนหินทุบกระจกหลังรถแตก สาเหตุคาดว่าเพราะเคยเป็นหัวหน้าสายแชร์ข้าวสาร ลูกค้าอาจทุบกระจกแก้แค้น ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยบุตร อัจฉริยมงคล ผกก.สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกหมายจับผู้บริหารบริษัทรวมทุนค้าปลีก จำกัด 4 คน หลังพนักงานสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนไปมอบให้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้


อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าผู้ที่ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับทั้ง 4 คน เป็นผู้บริหารบริษัทรวมทุนค้าปลีก จำกัด ประกอบด้วย นายรชต ชวาลาอกนิษฐ์ อายุ 34 ปี ประธานกรรมการบริหาร นายนิตย์ ชวาลาอกนิษฐ์ อายุ 70 ปี บิดานายรชต นางปรีชา ชวาลาอกนิษฐ์ อายุ 64 ปี มารดานายรชต ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของบริษัทฯ และ น.ส.ฐิพาภรณ์ ก้อนวิบูลย์ อายุ 22 ปี รองประธานกรรมการบริหารฯและเป็นแฟนนายรชต


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์