อย.บุกจับวุฒิ-ศักดิ์คลินิกเปิดรับฉีดสารผิวขาว

อย.บุกจับ "วุฒิศักดิ์คลินิก" สาขางามวงศ์วาน พบใช้สารกลูตาไธโอนฉีดผิวขาว แถมโฆษณาเกินจริง สั่งเก็บแผ่นพับ-ห้ามใช้ยา ขู่คลินิกเสริมงามทุกแห่ง พบผิดส่งแพทยสภาดำเนินการทันที แฉไม่พบการนำเข้า เชื่อเป็นยาปลอม


ความคืบหน้ากรณีคลินิกเสริมความงามหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอน (Glutathione) มาฉีดให้ลูกค้า พร้อมกับอวดอ้างสรรพคุณว่า ช่วยให้ผิวขาวใสเรืองแสงเหมือนดารา ทำให้วัยรุ่นทั้งหญิงและชายแห่ใช้บริการ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะตามมา เนื่องจากเป็นสารที่ใช้บำบัดรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร โดยต้องนำไปผสมกับสารตัวอื่นๆ ก่อน ตามที่ "คม ชัด ลึก" นำเสนอมาตามลำดับนั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้บุกตรวจคลินิกเสริมความงามชื่อดัง พบว่ามีการใช้สารกลูตาไธโอนฉีดให้ลูกค้าเพื่อให้ผิวขาวจริง
 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการ อย. นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ นพ.นภดล นพคุณ เลขาธิการสมาคมโรคผิวหนังแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจจับคลินิกเสริมความงามชื่อดัง "วุฒิศักดิ์คลินิก" ที่รักษาผิวพรรณด้วยการนำสารกลูตาไธโอน ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาในไทยมาบริการฉีดให้ลูกค้า พร้อมโฆษณาชวนเชื่อว่าจะช่วยให้ผิวขาวเรืองแสงเหมือนดาราได้
 

นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า หลังจาก อย.ได้รับแจ้งว่ามีคลินิกเสริมความงามเปิดให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนให้ลูกค้า จึงเข้าไปตรวจสอบ


โดยประสานกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้าล่อซื้อที่วุฒิศักดิ์คลินิก สาขางามวงศ์วาน เมื่อเย็นวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบของกลางเป็นสารกลูตาไธโอน 600 มิลลิกรัมต่อ 4 ซีซี พร้อมกล่องผลิตภัณฑ์ที่วางแสดงในร้าน โดยสารกลูตาไธโอนยังไม่มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาและไม่มีการนำเข้าในประเทศไทย ภายหลังตรวจสอบแล้วได้ประสานไปยังบริษัทโรช (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะบริษัทผู้ผลิตยาดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าสารข้างต้นผลิตและจำหน่ายในประเทศอิตาลี ไม่เคยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ดังนั้น สารที่นำมาฉีดให้ลูกค้าอาจเป็นยาปลอมได้ จึงขอเตือนประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและสตรีทั่วไปที่สนใจรับบริการฉีดสารดังกล่าวว่ามีความเสี่ยงสูง


ด้าน นพ.ศุภชัย กล่าวว่า วุฒิศักดิ์คลินิก สาขางามวงศ์วาน มีการขออนุญาตจัดตั้งสถานพยาบาลเปิดเป็นคลินิกถูกต้องตามกฎหมาย

แต่เปิดให้บริการรักษาผิวพรรณด้วยโปรแกรม "เรเดี้ยน แอนด์ ดีท็อกซิพิเคชั่น" โดยมีแผ่นพับโฆษณาระบุว่า เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง เนื่องจากการรักษาพยาบาลไม่ว่าอย่างไรต้องมีผลข้างเคียงเสมอ อีกทั้งการฉีดสารกลูตาไธโอนเข้ากล้ามเนื้อและเส้นเลือดโดยตรงถือเป็นอันตราย จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา 68 มีโทษปรับ 2 หมื่นบาท และหากยังโฆษณาต่อจะปรับวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท ขณะนี้ได้สั่งระงับการโฆษณานี้แล้วในทุกสื่อ
 

นพ.ศุภชัย กล่าวต่อว่า หลังจากประสาน อย.แล้ว ทราบว่าสารกลูตาไธโอนที่นำมาบริการลูกค้านั้น ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนถูกต้อง

จึงถือว่าสถานพยาบาลแห่งนี้ได้ทำผิด ฝ่าฝืนมาตรา 34 (2) ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ที่กำหนดว่า ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพให้ดำเนินการตามกฎหมาย หากไม่จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ส่วนที่มีการอ้างว่าการทำให้ผิวขาวด้วยวิธีดังกล่าวเป็นการคิดค้นเทคนิคการแพทย์จากทีมวิจัยของคลินิก จากการตรวจสอบข้อมูลไปยังสมาคมโรคผิวหนัง ยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลการใช้สารดังกล่าวเพื่อให้ผิวขาวที่เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับ อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลในเรื่องความปลอดภัย อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้มารับบริการได้ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 45 ในการสั่งระงับการรักษาและให้บริการโดยวิธีดังกล่าว จนกว่าจะมีผลยืนยันที่เป็นวิชาการชัดเจนในเรื่องความปลอดภัย
 

"ขณะนี้ได้สั่งให้หยุดบริการรักษาด้วยสารกลูตาไธโอน ซึ่งรวมถึงคลินิกเสริมความงามทุกแห่ง เพราะยังไม่มีการยืนยันความปลอดภัย ส่วนรายใดที่รับบริการไปแล้วและเกิดผลข้างเคียง สามารถร้องทุกข์ต่อ อย.หรือกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ ส่วนการดำเนินการกับแพทย์ผู้ให้บริการนั้น หากผลการตรวจสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมใด คงต้องส่งเรื่องให้แพทยสภาดำเนินการต่อไป" นพ.ศุภชัย กล่าว


ทั้งนี้ เมื่อคืนวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นพ.ศิริวัฒน์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ อย.โทรศัพท์ตรวจสอบไปยังคลินิกผิวหนังชื่อดังแห่งหนึ่ง

พร้อมทั้งสอบถามบริการช่วยให้ผิวขาว โดยพนักงานรับโทรศัพท์แจ้งว่า มีการให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนร่วมกับการฉีดวิตามินซีให้ลูกค้า ครั้งละ 4,500 บาท โดยต้องฉีด 5 เข็ม แต่หากซื้อเป็นคอร์สจะเหลือครั้งละ 4,000 บาท และจะแถมฟรี 1 เข็ม พนักงานของคลินิกเสริมความงาม อ้างถึงสรรพคุณของสารกลูตาไธโอนว่า จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเหมือนดารา มีรังสีออร่าเรืองแสงออกมา พร้อมทั้งรับรองในความปลอดภัย เพราะได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนกับ อย.ของประเทศอิตาลีและประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวว่าจะเกิดการแพ้ เป็นอันตรายต่อผิวหนัง เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง และแพ้จนถึงขั้นช็อกเสียชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริง นพ.ศิริวัฒน์ จึงประสานไปยัง ภก.ประพล อางตระกูล เภสัชกรระดับ 8 พร้อมกับเจ้าหน้าที่กองประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นำมาสู่การเข้าตรวจค้นวุฒิศักดิ์คลินิก สาขางามวงศ์วาน ดังกล่าว
 

นพ.ศุภชัย ยังกล่าวว่า ขณะนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้รณรงค์ตรวจมาตรฐานการประกอบกิจการสถานพยาบาลคลินิกที่จัดให้บริการเกี่ยวกับการเสริมความงาม

ระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2550 มีการตรวจคลินิกไปแล้ว 110 แห่ง พบว่ามีข้อความโฆษณาในเชิงโอ้อวดมากที่สุดถึง 24 แห่ง จึงอยากฝากไปยังคลินิกเสริมความงามและคลินิกผิวหนังทั้งหลาย ให้ระมัดระวังในการใช้ยา เวชภัณฑ์ วิธีการรักษาต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้มาตรฐานได้รับการยอมรับ ไม่ควรนำคนไข้ไปเป็นตัวทดลอง แถมยังเก็บค่ารักษาพยาบาลในราคาที่แพง ถือเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก อย.บุกจับสถานเสริมความงามวุฒิศักดิ์คลินิก สาขางามวงศ์วาน

เมื่อคืนวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา "คม ชัด ลึก" ได้ไปสำรวจคลินิกเสริมความงามย่านสยามสแควร์ ที่ให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอน เพื่อให้ผิวขาวเรืองแสงเหมือนดารา พบว่า ส่วนใหญ่ปลดป้ายโฆษณาชวนเชื่อ ใบปลิว ออกจากกระจกหน้าร้าน และย้ายเก็บไปเกือบหมดแล้ว โดยพนักงานอ้างต่อลูกค้าที่มาติดต่อใช้บริการว่า ขณะนี้ตัวยาหมดแล้ว หากจะฉีดก็ต้องรอจนกว่ายาชุดใหม่จะเข้ามาถึงก่อน อย่างไรก็ตาม พบว่ามีไม่กี่แห่งที่ยังติดป้ายโฆษณาชวนเชื่ออยู่ ตลอดจนมีโปรโมชั่นพิเศษ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นอย่างไร เมื่อเข้าไปสอบถามพนักงานอ้างว่า ต้องรอสอบถามจากแพทย์เท่านั้น ขณะเดียวกันยังมีพนักงานคลินิกเสริมความงามอีกแห่ง ระบุว่า ตอนนี้ที่มีกระแสข่าวออกมาเกี่ยวกับการใช้สารกลูตาไธโอนแล้วเกิดแพ้จนช็อกตายคาเข็มนั้น ไม่รู้ว่ามีเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะเหมือนกับกระแสที่ผ่านๆ มา จึงเก็บสารเอาไว้ก่อน รอให้เรื่องเงียบจึงจะเอาออกมาให้บริการอีก พร้อมกันนี้พนักงานคนเดิมยังถามกลับด้วยว่า จะเอาตัวยาชนิดรับประทานไปใช้ก่อนหรือไม่ ซึ่งจะได้ผลช้ากว่า โดยต้องใช้เป็นเดือนกว่าจะเห็นผล แตกต่างจากยาฉีดที่ใช้เพียงเข็มสองเข็มก็เห็นผลแล้ว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์