น้าชายหนูน้อยเหยื่อแก๊งปาหินให้การต่อไปว่า ช่วงนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ
เมื่อรถวิ่งมาถึง กม.ที่ 13 ขาเข้ากรุงเทพฯ ห่างจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งประมาณ 50 เมตร ตนขับรถด้วยความเร็วประมาณ 120 กม.ต่อชั่วโมง อยู่เลนขวาสุด เพราะเลนซ้ายถนนไม่ค่อยดี ขณะที่ทุกคนในรถหลับกันหมด แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆก็มีหินก้อนโตขว้างเข้าใส่กระจกหน้ารถทางด้านซ้าย ทะลุเข้ามาในห้องโดยสารผ่านหน้า ด.ญ. เปรมวิภาอย่างฉิวเฉียด และไปถูกเข้าที่ใบหน้าของน้องเอ็มที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างจัง จนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ช่วงวินาทีนั้นตกใจมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงแตะเบรกหักพวงมาลัยเข้าเลนซ้ายเตรียมชะลอรถจอด แต่พอมองไปที่กระจกหลังเห็นชายวัยรุ่น 4 คน ซ้อนรถ จยย. 2 คันตามหลังมา จึงไม่กล้าจอดรถเพราะกลัวเป็นแก๊งคนร้ายปล้นทรัพย์ ประกอบกับเห็นหลานชายมีเลือดไหลออกมาก จึงตัดสินใจเร่งเครื่องขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล ส่วนรถ จยย.ทั้ง 2 คัน ก็ไม่ได้ตามมา จากนั้นได้แจ้งให้นางแจ๋ว มารดาของเด็กทั้ง 2 ทราบ
ด.ช.วีระยุทธ หรือน้องเอ็ม เปิดเผยภายหลังแพทย์รักษาอาการดีขึ้นว่า
ตอนนั้นนอนหลับอยู่ที่เบาะหลัง รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าสะดุ้งตื่นขึ้นมามองไม่เห็นอะไร แต่มีเลือดไหลเต็มไปหมด แล้วเห็นมีรถ จยย.ตามหลังมา 2 คัน น้าชายจึงรีบขับรถพามาส่งโรงพยาบาลดังกล่าว หลังสอบสวนเบื้องต้นตำรวจไปตรวจสอบรถเก๋งคันที่ประสบเหตุจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล พบว่ากระจกหน้าด้านซ้ายทะลุเป็นรูโหว่และแตกร้าวทั้งบาน ส่วนในรถพบก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นแตกเป็น 2 ซีก ตกอยู่ที่พื้นวางเท้าเบาะหลัง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ด้านนางแจ๋ว พรหมชนะ อายุ 45 ปี มารดาของ เด็กทั้งสองเผยว่า
ขณะเกิดเหตุลูกทั้ง 2 คน กลับบ้านไปใน รถคันเดียวกับน้องชาย ส่วนตนแยกไปคนละคันเพื่อไปส่ง ญาติที่ จ.กาญจนบุรี หลังออกจากงานองค์พระปฐมเจดีย์ ได้ประมาณ 20 นาที น้องชายโทรศัพท์มาบอกว่า มีคนร้าย ขว้างหินใส่กระจกรถแตก และน้องเอ็มถูกก้อนหินหัวแตก เข้ารักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศาลายา จึงรีบกลับรถมาดูลูก เห็นแล้ว ตกใจมาก เสื้อ กางเกงเปื้อนเลือดทั้งตัว สอบถามน้องชาย ทราบว่า ไม่รู้ใครขว้างหินก้อนใหญ่ใส่กระจกหน้ารถถูกหลานได้รับบาดเจ็บ ที่ผ่านมาเคยได้ยินข่าวแก๊งโจรปาหิน มาแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับลูกตัวเอง อยากให้ ตำรวจตามล่าจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่ไปก่อเหตุกับใครอีก
ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล พล.ต.ต.สมบัติ ระวังสำโรง รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จ.นครปฐม
เดินทางไปที่ สภ.นครชัยศรี เรียก พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สภ.นครชัยศรี พร้อมชุดสืบสวน เข้าร่วมประชุมอย่าง เคร่งเครียด เพื่อวางแนวทางการสืบสวนตามล่าตัวคนร้าย ใช้เวลากว่า 1 ชม. จึงเสร็จสิ้น โดยที่ประชุมได้กำชับให้ คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง และขอให้เป็นคดีแก๊งโจรปาหินคดี สุดท้ายที่เกิดขึ้น จากนั้นคณะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พบเศษกระจกรถแตกเกลื่อนถนน และมีรอยเบรกล้อรถ จึงถ่ายรูปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อน เดินทางไปที่ รพ.ศาลายา เพื่อเยี่ยมอาการของน้องเอ็ม ซึ่งแพทย์ยังคงให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดย ผบช.ภ.7 ได้มอบกระเช้าผลไม้ พร้อมสอบถามอาการและให้กำลังใจน้องเอ็มกับมารดา รวมทั้งสัญญาที่จะติดตามล่าตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุ ไว้ 2 ประเด็น ประเด็นแรก อาจเป็นความคึกคะนองของ แก๊งวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเลียนแบบแก๊งปาหินที่ก่อเหตุที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และอีกหลายจังหวัดจนตกเป็นข่าวครึกโครมหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา กับอีก
ประเด็นคือแก๊งคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ โดยให้พรรคพวกดักปาก้อน หินใส่กระจกหน้ารถให้เกิดอุบัติเหตุ
หรือถ้าคนขับจอดรถ ข้างทางก็จะขี่รถ จยย.ตามมาจู่โจมเข้าปล้นทรัพย์ ได้กำชับให้ตำรวจเร่งระดมตามล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมสั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว เบื้องต้นสั่งการให้ หน่วยงานในพื้นที่เข้มงวดออกตรวจตรามากกว่าเดิมเป็น พิเศษ เพราะ จ.นครปฐม กำลังมีงานใหญ่หลายงานคือ งานปิดทององค์พระปฐมเจดีย์ และงาน 100 ปี พระราชวังสนามจันทร์ มีประชาชน และนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันจำนวนมาก จะต้องดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว รวมทั้งผู้ใช้รถใช้ถนนตามเส้นทางต่างๆด้วย