ผู้รับเหมาร้องกองปราบฯ ถูก พ.ต.ท.กับลูกน้อง โปลิศในสังกัดพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยัดยาบ้าให้
เผยถูกชายฉกรรจ์ขับรถปาดหน้าก่อนลงมาอุ้มพาไปซ้อมในเซพเฮาส์จนน่วม ในที่สุดต้องยอมรับสารภาพ ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องผู้เสียหายเลยเปิดศึกลุยร้องขอความเป็นธรรม แต่บากหน้าไปร้องเรียนที่ไหนเรื่องก็ไม่คืบหน้า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งเรื่องร้อนให้ ป.ป.ป. รับไปดำเนินการต่อแล้ว
ที่กองปราบปราม เวลา 10.30 น. วันที่ 19 พ.ย. นายธนเดช ปิติพลสกุล อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สิงห์ สิงเดช พนักงานสอบสวน (สบ2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท. และลูกน้องอีก 2 คน ซึ่งเป็นตำรวจในสังกัดพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ กรณีถูกจับกุมในข้อหาครอบครองยาบ้า 2 เม็ด
นายธนเดช ให้การว่า ตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 49 ขณะตนทำงานอยู่ จู่ ๆ มีผู้โทรศัพท์เข้ามาหาตน โดยปลาย เสียงบอกให้ช่วยไปรับที่แยกบ่อฝ้าย ตอนแรกคิดว่าเป็นลูกค้าจะมาดูงาน เพราะแจกนามบัตรไว้เยอะมาก เลยรีบขับรถไปรับ แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบใคร จึงเดินทางกลับ ระหว่างทางมีรถยนต์เชฟโรเลต สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับมาปาดหน้า จากนั้นมีชายฉกรรจ์ 3 คน เดินลงมาจากรถตรงเข้าจับตัวขึ้นรถคันดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว
ผู้เสียหายให้การต่อว่า ตอนแรกไม่ทราบว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งถูกพาตัวไปที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นที่เพชรบาร์เบอร์ ตั้งอยู่ในตลาดหัวหิน เมื่อไปถึงก็ถูกจับถอดเสื้อผ้า ถูกซ้อม บางครั้งก็เอาปืนที่ไม่มีกระสุนยิงข้าง ๆ หู เพื่อบังคับให้รับสารภาพว่า มียาบ้าไว้ในครอบครอง แถมกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ยังค้นเอาเงินสดในตัวไปอีก 1,800 บาท ซึ่งตนทราบต่อมาว่าถูกนำเอาไปถ่ายสำเนาไว้ เพื่อนำเอามาใช้เป็นหลักฐานภายหลัง เมื่อถูกซ้อมอย่างหนักจึงทนไม่ไหว ต้องยอมรับสารภาพ ก่อนถูกนำตัวส่งดำเนินคดี จนเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงเห็นว่าการถูกจับกุมดังกล่าว เป็นการกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ ไปร้องเรียนที่ไหนเรื่องก็ไม่คืบหน้าจึงต้องเข้าร้องกับกองปราบฯดังกล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ส่งคดีนี้ให้พนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ป.ป.ป.) ดำเนินการต่อไป.