คดีสลดแม่ยิงลูกสาวบาดเจ็บสาหัสคาบ้านพัก
สาวเจ้าหน้าที่ตัดต่อช่อง 5 ทะเลาะกับแม่วัย 70 ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์และมีอาการประสาทอ่อนๆ โดยแม่น้อยใจที่ได้ยินลูกสาวบ่นปวดคอ จึงโทรศัพท์ตามหมอนวดมาให้แต่ลูกสาวจะออกไปทำงาน เลยบ่นว่าทำไมต้องตามมาวันนี้ แม่โมโหชักปืนออกมาขู่ก่อนลั่นโป้ง เข้าท้องลูกสาวฟุบจมเลือด เพื่อนบ้านวิ่งมาดูช่วยพาส่งร.พ. ส่วนแม่ตกใจรีบเอาปืนไปซ่อนโดยไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน ตร.เผยต้องรอสอบปากคำคนเจ็บถึงรายละเอียดก่อน พร้อมคุมตัวแม่ชราส่งตรวจคราบเขม่าดินปืน
แม่น้อยใจลูกชักปืนขู่ลั่นถูกลูกสาวบาดเจ็บครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พ.ย.
ร.ต.ท. ประชา มูลสาร ร้อยเวรสน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 709 หมู่บ้านแกรนด์ วิลเลจ ซ.ลาดพร้าว 80/3 แยก9 แขวง-เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ จึงรายงานผู้บังคับบัญชานำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น พบเพียงกองเลือดจำนวนมากบริเวณชั้น 2 ส่วนผู้บาดเจ็บมีเพื่อนบ้านช่วยพาส่งร.พ.ลาดพร้าว ไปก่อนแล้ว ทราบชื่อคนเจ็บคือน.ส.สันนิภา กลิ่นสุคนธ์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ตัดต่อกราฟิก ฝ่ายรายการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณหน้าท้อง จำนวน 1 นัด
แม่70-ชักปืนขู่ ลั่นใส่ลูกสาหัส
ส่วนภายในบ้านพบนางปทุม กลิ่นสุคนธ์ อายุ 70 ปี มารดาน.ส.สันนิภา อดีตเป็นเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์
ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนรถเข็นโดยที่มือซ้ายและมือขวาเปื้อนเลือด โดยมีเพื่อนชายน.ส.สันนิภา คอยดูแลอยู่ นางปทุม สารภาพว่าเป็นคนใช้อาวุธปืนออกมาขู่ลูกสาวแต่เกิดลั่นจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อตำรวจถามถึงอาวุธปืนของกลาง นางปทุมก็ไม่ยอมตอบ เจ้าหน้าที่จึงค้นหาภายในบ้านแต่ก็ไม่พบ จึงคุมตัวไว้สอบสวนและส่งไปตรวจคราบเขม่าดินปืน
จากการสอบสวนทราบว่าน.ส.สันนิภา อาศัยอยู่ภายในบ้านกับมารดาเพียง 2 คน
โดยนางปทุมนอกจากเป็นโรคอัมพฤกษ์ เดินเหินไม่สะดวกแล้ว ยังมีอาการประสาทอ่อนๆ ต้องเข้าพบจิตแพทย์เป็นประจำทุกเดือน ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่มีปากเสียงกัน เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา นางปทุม ได้ยินลูกสาวบ่นว่าปวดคอจึงโทรศัพท์ตามหมอนวดมาที่บ้านในตอนสาววันเดียวกันนี้ แต่ปรากฏว่าเมื่อน.ส.สันนิภา ทราบในตอนเช้าก็บ่นว่ากำลังจะออกไปทำงาน ทำไมถึงตามมาวันนี้ ทำให้ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกัน ทำให้นางปทุม โมโหชักปืนออกมาขู่แล้วเกิดลั่นถูกลูกสาวได้รับบาดเจ็บ
เสียงปืนทำให้เพื่อนบ้านได้ยินและรีบวิ่งมาดู
พบน.ส.สันนิภา นอนจมกองเลือดอยู่จึงรีบพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกับเพื่อนชายน.ส.สันนิภา ก็เดินทางมาเพื่อรับไปทำงานจึงมาช่วยดูแลนางปทุม เบื้องต้นตำรวจยังไม่แจ้งข้อหาเพราะต้องรอสอบปากคำน.ส.สันนิภา อีกครั้งว่าเหตุการณ์เป็นมาอย่างไรแน่