เชื่อว่าหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาสาวคาราโอเกะถูกตำรวจกับพวกรุมฟันแขนขาดตั้งแต่แรก ภาพพจน์ของวงการตำรวจก็คงไม่ติดลบมากมายขนาดนี้
แต่ที่ผ่านมา ตำรวจกลับปล่อยเรื่องให้คารา คาซังไปเรื่อย
แถมยังงัดข้อแก้ตัวออกมาอ้างสารพัด เริ่มตั้งแต่โบ้ยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุรถล้ม ไม่ใช่โดนฟันแขน มายันตอนท้ายเรื่องที่แถลงข่าวใหญ่โตอ้างว่าผู้เสียหายระบุในเอกสารการรักษาพยาบาลว่าเกิดจากอุบัติเหตุเพื่อเบิกเงินจากประกัน
อย่างย้อนกลับมาเป็นหอกทิ่มแทงตำรวจ ทั้งนั้น
ภาพที่ออกมาทำให้ชาวบ้านมีความรู้สึกว่า ตำรวจช่วยเหลือพวกเดียวกัน รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้ ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายเป็นผู้หญิง แต่มีความกล้าหาญกล้าออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมถึงที่สุด
ถามว่าถ้าไม่มีมูลความจริงใครบ้างอยากจะมีเรื่องกับตำรวจ!?!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉุดภาพพจน์คนวงการสีกากี ให้ดิ่งลงเหวลึก ยิ่งพยายามดิ้นหาข้อแก้ตัว ก็ยิ่งได้รับความสนใจจากสังคมให้จับตามองมากขึ้นยังดีที่ในภายหลังได้พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามกู้หน้าเรียกศรัทธาตำรวจให้กลับคืนมา ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยากก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยไปอย่างนั้นจนกู่ไม่กลับ
ล่าสุดพล.ต.ท.พงศพัศ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนพาน.ส.สุพรรษา วิชานันท์ พนักงานร้านคาราโอเกะมีดสปาร์ตาฟันแขนขวาจนขาด เข้าทำการรักษาโดยการพาไปใส่แขนเทียม-มือเทียมฟรี ซึ่งแขนเทียมดังกล่าวสามารถใช้งานแทนแขนและมือจริงได้ในระดับหนึ่ง นับเป็นการช่วยเหลือเหยื่อคู่กรณี โดยไม่ต้องรอผลทางคดีที่จะเป็นตัวชี้ถูกชี้ผิด
ตร.ช่วยสาวโอเกะแขนขาด ทำแขนเทียม-รักษาฟรี!?!
หลักมนุษยธรรมสามารถทำได้โดยไม่ต้องรอ!!
พล.ต.ท.พงศพัศ ประสานงานกับแพทย์โรงพยาบาลตำรวจให้จัดทำแขนเทียมให้กับน.ส.สุพรรษา ซึ่งแขนเทียมดังกล่าวเป็นการสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ มีมูลค่า 57,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายครั้งนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้ออกให้ รวมทั้งค่ารักษาด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ที่ต้องทำกายภาพบำบัดประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะการใส่แขนเทียมอันนี้ จะช่วยให้ "สุพรรษา" สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยนิ้วมือจะขยับได้และสามารถกลับไปประกอบอาชีพร้อยพวงมาลัยได้เหมือนเดิม
หลังจากทุกอย่างพร้อมพล.ต.ท.พงศพัศ จึงนัด น.ส.สุพรรษาให้เดินทางมาพบในวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา
เพื่อพูดคุยในเรื่องการเตรียมตัวใส่แขนเทียมที่จัดไว้ให้ด้วยความซาบซึ้งในความจริงใจของพล.ต.ท. พงศพัศ น.ส.สุพรรษาถึงกับก้มกราบขอบคุณในความช่วยเหลือครั้งนี้ด้วยความจริงใจเธอบอกตั้งแต่เกิดเรื่องมา ก็เพิ่งมีครั้งนี้ที่ตำรวจพยายามปรับความเข้าใจ และไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายใส่ร้ายกลุ่มของส.ต.ต.นิรุตคู่กรณี ซึ่งจะผิด จะถูกอย่างไรขอให้ไปว่ากันในชั้นศาล
บรรยากาศในวันนั้นเป็นไปด้วยความเข้าใจอันดี
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า
ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเป็นห่วงด้านมนุษยธรรม เนื่องจากน.ส.สุพรรษาเสียแขนทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ และรับสภาพตัวเองไม่ได้ จึงประสานโรงพยาบาลตำรวจจัดทำแขนเทียมให้ ที่ต้องใส่แขนเทียม เพราะทุกวันนี้น.ส.สุพรรษาลำบากในการใช้ชีวิตมาก ต้องร้อยพวงมาลัยขาย และต้องเดินทางจากบ้านพักที่จ.อ่างทอง เพื่อนำมาขายตามร้านอาหารในจ.ปทุมธานี หากไม่มีแขนก็ร้อยพวงมาลัยลำบาก จึงหาทางช่วยเหลือในส่วนนี้ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ได้สั่งการให้พล.ต.ต. ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบก.จว.อ่างทอง ส่งตำรวจหญิงไปเยี่ยมเยียนน.ส.สุพรรษาตลอดเวลา มีอะไร จะได้พูดคุยกันได้
และในส่วนของพ.ต.อ.อนุสรณ์ พินิจศักดิ์ อดีตผกก.สภ.บ้านหมอ ผู้บังคับบัญชาของ ส.ต.ต.นิรุต ซึ่งได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นรอง ผบก. จว.อ่างทอง อันเป็นภูมิลำเนาของน.ส.สุพรรษานั้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา ทางกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ได้มีคำสั่งให้พ.ต.อ.อนุสรณ์ ย้ายมาช่วยราชการที่บก.ภ.จว.ปทุมธานีแล้ว ผู้เสียหายจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอิทธิพลหรือความกดดันต่างๆ
ส่วนในเรื่องคดีพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้อัยการและมีความเห็นสั่งฟ้องส.ต.ต. นิรุตกับพวกอีก 2 คนแล้ว
ในข้อหาพยายามฆ่า เรื่องอยู่ในชั้นศาล นอกจากนี้ ในเรื่องการดำเนินการทางวินัย ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อนในขั้นแรก และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งเห็นว่าควรไล่ออกจากราชการ เพราะเห็นมีพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างรุนแรง โดยเรื่องอยู่ที่บก.ภ.จว. สระบุรีจะไปดำเนินการต่อไป "เรื่องมนุษยธรรมทำได้ไม่ต้องรอ คดีนี้ผลจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันทีหลัง แต่ตอนนี้ต้องเร่งช่วยคนถูกกระทำก่อน คดีนี้เป็นเรื่องที่ชาวบ้านมีปัญหากับตำรวจ และที่สำคัญ คือเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไม่มีทางสู้ หากไม่มีมูลความจริง ถามว่าใครจะกล้าออกมายืนยันขนาดนี้ ผมเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
คำพูดที่หลุดจากปากพล.ต.ท.พงศพัศ ทำให้น.ส.สุพรรษาซาบซึ้งถึงกับน้ำตาคลอ
ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ เปิดใจว่า ทุกวันนี้ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ เกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือข่มขู่อีก เพราะตนตัวคนเดียวไม่มีพวกพ้องที่ไหน ตั้งแต่มีเรื่องชีวิตก็เปลี่ยนไป โดยส่วนตัวก็ไม่อยากมีปัญหากับตำรวจอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกกระทำ ก็ต้องเดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด
"หนูขอขอบคุณในความจริงใจครั้งนี้ ได้แขนเทียมมาก็จะตั้งหน้าตั้งตาประกอบอาชีพเลี้ยงตัวต่อไป และอยากให้เรื่องจบลงไวๆ ไม่อยากให้คาราคาซังแบบนี้ และก็มั่นใจว่าเรื่องทุกอย่าง จะผ่านพ้นไปด้วยดี" น.ส.สุพรรษา กล่าว
กระบวนการยุติธรรมกำลังรอตัดสิน!?!