หนุ่มโคราชขอแฟนสาวแต่งงานถูกปฏิเสธ วางแผนจัดฉากให้เพื่อนใช้ปืนจี้จับเรียกค่าไถ่
ก่อนยื่นมือช่วยเหลือเรียกคะแนนเห็นใจ สุดท้ายความแตกหลังให้การมีพิรุธ สารภาพสิ้นวางแผนเองทุกอย่างหวังให้สาวยอมใจอ่อนแต่งงานด้วย ตำรวจตั้งข้อหาหนัก ก่อนตามล่าเพื่อนอีก 3 คน
เหตุการณ์จัดฉากอุ้มแฟนสาวไปเรียกค่าไถ่ก่อนยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อให้ฝ่ายหญิงประทับใจยอมแต่งงานด้วย เปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน
พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิติพันธุ์ โรหิโตปการ ผกก.ศสส.ภ.3 พ.ต.ต.ภูมิ ทองโพธิ์ สว.สส.ศสส.ภ.3 และตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายราชันต์ หาดทะเล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 12 ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา และ น.ส.คัทธยา ชัยราช อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 6 ต.หัวทุ่ง อ.พล จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาลักพาตัวเรียกค่าไถ่ น.ส.ญาณาธิป ปล่องกระโทก อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 228 หมู่ 6 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ไปเรียกค่าไถ่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อำนวยแถลงข่าวว่า
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจรับแจ้งจาก น.ส.ญาณาธิป ผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขณะผู้เสียหายนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ของ น.ส.คัทธยา บริเวณถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ปรากฏว่ามีคนร้าย 3 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนและมีดจี้บังคับไปเรียกค่าไถ่ โดยระหว่างเกิดเหตุคนร้ายได้ปล่อยตัว น.ส.คัทธยา จากนั้นบังคับให้ผู้เสียหายโทรศัพท์ไปหานายราชันต์ แฟนหนุ่ม เพื่อนำเงินจำนวน 1 แสนบาท มาไถ่ตัว ซึ่งต่อมานายราชันต์นำเงินสดจำนวน 7 หมื่นบาทมาไถ่ตัว คนร้ายจึงปล่อยตัวออกมา จากนั้นผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความ เพื่อให้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวต่อว่า
ภายหลัง น.ส.ญาณาธิป ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความและให้ปากคำ ตำรวจสอบปากคำนายราชันต์และ น.ส.คัทธยา เพื่อหาร่องรอยของผู้ต้องหา ปรากฏว่าบุคคลทั้งสองให้การมีพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะเมื่อนายราชันต์นำเงินมาไถ่ตัว น.ส.ญาณาธิป แต่กลับทำท่าไม่อยากแจ้งความ พร้อมให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โต ต่อมาตำรวจพยายามสอบสวนจนกระทั่ง นายราชันต์สารภาพว่า วางแผนร่วมกับ น.ส.คัทธยาและพวกอีก 3 คน เพื่อหวังจะให้ น.ส.ญาณาธิป ปลื้มใจที่สามารถช่วยเหลือได้เมื่อมีเรื่องเดือดร้อน ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพและแจ้งความเท็จ พร้อมกับส่งผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 3 คน ตำรวจจะติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่พ.ต.ต.ภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า
หลังจากรับแจ้งความจาก น.ส.ญาณาธิป จึงเร่งสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้าย ขณะสอบปากคำพบว่า นายราชันต์แสดงอาการมีพิรุธ อีกทั้งประเด็นสำคัญที่น่าสงสัยอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้เสียหายเป็นคนมีฐานะยากจน แต่ทำไมคนร้ายจึงเจาะจงจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ตำรวจจึงสอบเค้นนายราชันต์ กระทั่งทราบว่า ก่อนหน้านี้นายราชันต์ขอฝ่ายหญิงแต่งงาน แต่ถูกปฏิเสธ จึงออกอุบายให้เพื่อนลักพาตัว เพื่อตัวเองจะเป็นฝ่ายเข้าไปช่วยเหลือ และหวังว่าฝ่ายหญิงจะยอมแต่งงานด้วย โดยก่อนเกิดเหตุฝ่ายหญิง และ น.ส.คัทธยานั่งรับประทานเนื้อย่างเกาหลีที่ ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย กระทั่งเวลา 23.00 น.จึงซ้อนรถจักรยานยนต์ของ น.ส.คัทธยา กลับบ้าน
"เมื่อขับรถไปถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้าย 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาประกบข้าง จากนั้นก็ถีบรถของผู้เสียหายล้มลง ต่อมาคนร้ายทั้ง 3 คนลง มาจากรถพร้อมด้วยอาวุธปืนและมีด ข่มขู่ให้ น.ส.ญาณาธิป นั่งรถมาไปด้วยกัน และทิ้งน.ส.คัทธยา ให้อยู่เพียงลำพัง จากนั้นคนร้ายได้ใช้เศษผ้าปิดตา น.ส.ญาณาธิป แล้วพาเข้าไปในป่าใกล้กับที่เกิดเหตุ พร้อมกับมัดมือมัดเท้าผู้เสียหายจนเช้า โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ทำทีติดต่อนายราชันต์ให้หาเงินมาประกันตัว กระทั่งนายราชันต์นำเงิน 7 หมื่นบาท มาประกันตัว โดยอ้างว่า ส่วนตัวมีเงินอยู่ 5 หมื่นบาท และยืมเพื่อนมาอีก 2 หมื่นบาท เพื่อมาไถ่ตัวแฟนสาว แต่เมื่อสอบไปสอบมากลับเป็นเรื่องโกหก เพื่อหวังให้แฟนสาวยอมแต่งงานด้วย" พ.ต.ต.ภูมิ กล่าว
พ.ต.ต.ภูมิกล่าวอีกว่า
ส่วนเพื่อนของนายราชันต์ที่ร่วมก่อเหตุอีก 3 คนนั้น จากการสอบสวนทราบว่า หลังเกิดเหตุหลบไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี และจากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นคนต่างถิ่น เพราะสำเนียงคนร้ายเป็นภาษากลางไม่ใช่ภาษาท้องถิ่น