ชี้พูดจารู้เรื่อง คุมตัวทำแผน "เหยื่อ"โผล่อีก เค้นสอบขยายผล รปภ.โหด ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง ถามตอบรู้เรื่อง ให้การไม่สับสน โปลิศเผยอาจไม่ได้เป็นโรคจิต
แถมยังสารภาพเพิ่มเติมก่อคดีในพื้นที่โคกครามไปแล้วถึง 5 ครั้ง ทำเอาต้องรีบหิ้วปีกไปทำแผนฯ 5 จุดเชือด เหลือเชื่อคนร้ายจำสถานที่ได้แม่นยำมาก บรรยายการเข้าชาร์จเหยื่อได้หมดทุกอย่าง โดยไม่สะทกสะท้าน แต่ออกอาการโมโห ฉุนเฉียว หากจนท.เชิญ รปภ.ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ มาช่วยทำแผนฯด้วย ด้านเหยื่อโผล่อีกราย ระบุกำลังเคลิ้ม ไอ้โหดย่องเข้าหา สบโอกาสปรี่กระหน่ำตีไม่เลี้ยง โชคดีแค่สลบเหมือด โปลิศโชคดีได้หลักฐานเด็ดกล้อง วงจรปิด จับภาพขณะก่อเหตุชั่วได้เต็ม ๆ เร่งสอบปากคำ เตรียมค้านประกัน และควานหาตัวญาติสอบมีปัญหาด้านจิตหรือไม่
รปภ.ฆาตกรต่อเนื่องอาจไม่โรคจิต
กรณีตำรวจบุกจับกุมนายวิทยา หรือหอย ใจขาน อายุ 30 ปี รปภ.โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
ฆาตกรโหดที่ตระเวนก่อเหตุใช้ไม้และเหล็กตี รปภ.ที่หลับยามและเมาสุราในเขตรามอินทรา อาจณรงค์ นวลจันทร์ นวมินทร์ และศรีนครินทร์ มาอย่างต่อเนื่อง 15 ครั้ง จนมีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 8 ราย บาดเจ็บอีก 8 คน ก่อนจะลงมือชิงทรัพย์เหยื่อและหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน อ้างสาเหตุลงมือกับเพื่อนร่วมอาชีพ เพราะทนไม่ได้ที่เห็นเมาเหล้าแถมหลับยาม เจอเมื่อไหร่ต้องจัดการ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เตรียมส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์เป็นการด่วน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้เวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย. พ.ต.อ.พัลลภ สุวรรณบัตร รอง ผบก.น.2 เดินทางมาที่ สน.โคกคราม เพื่อตรวจสำนวนคดีดังกล่าวพร้อมเรียก พ.ต.ท.จักรกฤช จันทร์หอม รอง ผกก.สส. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว
กำชับเรื่องการสอบปากคำผู้ต้องหา หลังเสร็จจึงเปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุในพื้นที่ สน.โคกคราม 3 คดี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ และไม่พบหลักฐานในที่เกิดเหตุมากนัก หลักฐานส่วนใหญ่จึงต้องใช้ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงจำเป็นต้องกำชับให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนให้รัดกุม พร้อมกับให้มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ละเอียดทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้จะนำตัวนายวิทยาไปฝากขัง โดยตำรวจจะเสนอคำร้องคัดค้านการประกันตัว
พ.ต.อ.พัลลภ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ผู้ต้องหายังก่อเหตุในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของ บก.น. 4 ด้วย ต้องโอนคดีไปให้ สน.ลาดพร้าว 1 คดี ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ต้องสอบปากคำทั้งคืน โดยมีพนักงานสอบสวนจาก สน.ลาดพร้าว มาร่วมสอบปากคำด้วย อย่างไรก็ตามจะเร่งรัดนำพยานที่เห็นเหตุการณ์มาชี้ตัวผู้ต้องหาและของกลางที่ใช้ก่อเหตุเพื่อยืนยันว่าตรงกันหรือไม่ ส่วนเรื่องความผิดปกติทางสมองของผู้ต้องหาที่อาจมีอาการทางประสาทนั้น ตำรวจจะต้องติดต่อญาติมาสอบถามว่าผู้ต้องหาเคยมีอาการหรือประวัติการรักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลใดหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้ อย่างไรก็ตามเท่าที่คุยเบื้องต้น ผู้ต้องหามีสติสัมปชัญญะดีมาก ถามตอบรู้เรื่อง ให้การไม่สับสน
ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่นำตัวนายวิทยาออกมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพเพิ่มว่า ได้ก่อเหตุในพื้นที่ สน.โคกคราม มาแล้ว 5 คดี เจ้าหน้าที่จึงรีบควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทันที 5 จุด
โดยมีการวางกำลังป้องกันเหตุรุมประชาทัณฑ์ไว้ทุกที่ โดยจุดแรกหน้าป้อมยามศูนย์ cg 0-400 ย่านรามอินทรา ซึ่งนายวิทยาได้ก่อเหตุทำร้าย รปภ.ที่เฝ้าศูนย์ฯจนเสียชีวิต เหตุเกิดคืนวันที่ 31 ธ.ค.48 จุดที่ 2 บริเวณร้านซิมบ้าออฟโรด เลขที่ 11/2 ถนนเกษตรนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม-เขตบึงกุ่ม จุดที่ใช้ไม้ตีนายเอื้อน แย้มอ้น รปภ.ร้านดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ก่อนจะชิงทรัพย์สินของเหยื่อหนีไป โดยจุดนี้ขณะที่กำลังทำแผนฯอยู่ จู่ ๆ ส.อ.โสติผล แสงสิทธิโยธิน อายุ 41 ปี รปภ. ร้านคาร์แคร์ที่อยู่ติดกัน ได้เดินทางมาดูหน้าผู้ต้องหา เมื่อเห็นได้ให้การยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 50 ที่ผ่านมา ขณะเคลิ้มจะหลับตอนเฝ้ายามอยู่นั้น ตนถูกนายวิทยาฉวยโอกาสใช้ไม้ตีเข้าที่หน้าหลายครั้งจน สลบเหมือด เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนร้ายชิงทรัพย์ไปเสียแล้ว
จุดที่ 3 บริเวณป้อมยามหน้าบริษัท นวมินทร์ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด เลขที่ 15/2-4 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม
จุดนี้นายวิทยาได้ใช้ไม้ตี รปภ.คนหนึ่งจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนจุดที่ 4 หน้าสถานธนานุเคราะห์ 27 ถนนนวมินทร์ ใกล้แยก กม.8 แขวง-เขตคันนายาว ผู้ต้องหาใช้ไม้กระหน่ำตี ส.อ.ดิเรก ยกย่อง รปภ.สถานธนานุเคราะห์ ซึ่งกำลังนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนจุดสุดท้ายในป้อมยามของบริษัทกฤษดากลการ หรือโชว์รูมรถมิตซูบิชิ ย่านรามอินทรา กม.8 ก่อเหตุบุกกระหน่ำตีนายจักรพล มามีจันทร์ รปภ.เฝ้าศูนย์ฯได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การทำแผนประกอบคำรับสารภาพแต่ละจุด คนร้ายจำได้แม่นยำมาก สามารถชี้การเข้าไปก่อเหตุได้หมดทุกอย่าง
โดยที่ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด ท่ามกลางชาวบ้านที่รู้ข่าวพากันออกมาดูหน้าตาคนร้ายกันเต็มไปหมด อย่างไรก็ตามหากเจ้าหน้าที่เชิญ รปภ.ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุมาร่วมทำแผนฯด้วยสีหน้าแววตาของคนร้ายจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันที โดยรวมเวลาทำแผนฯครั้งนี้ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยจุดสุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานเป็นภาพในวงจรปิดจับภาพขณะที่นายวิทยาเดินถือไม้อ้อมมาทางด้านหลังก่อนจะรอโอกาสอีกฝ่ายเผลอปรี่เข้าไปจิกศีรษะนายจักรพลลงมือตีอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิต.