จับพ่อเลี้ยง-ฆ่า4ขวบ อิจฉาลูกติดเมียได้มรดกตา

จากคดีสะเทือนขวัญ ด.ญ.นัจญาวา สะเด็น อายุ 4 ขวบ หรือน้องวา หายตัวปริศนา

หลัง น.ส.รจนา สะเหราดี อายุ 25 ปี ผู้เป็นแม่ และนายวิชิต หยงสตาร์ อายุ 45 ปี พ่อเลี้ยงพามาซื้อของที่ตลาดท่ากลาง เขตเทศบาลนครตรัง เมื่อช่วงหัวรุ่งวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยปล่อยให้นอนหลับอยู่ในรถตามลำพัง กระทั่งผ่านไป 2 วัน มีคนพบศพน้องวาตายเปลือยขึ้นอืดอยู่ในคลองหมู่ 3 ต.โคกชะงาย อ.เมืองพัทลุง ห่างจุดเกิดเหตุราว 60 กม. ตำรวจตั้งประเด็นไว้ในเรื่องขัดแย้งในครอบครัว และถูกคนอุ้มไปทำอนาจารก่อนฆ่าทิ้ง


ในที่สุดคดีปริศนาฆาตกรรมครั้งนี้ก็คลี่คลายลงแล้ว
โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่ห้องประชุมสภ.เมืองตรัง พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผบก.ภ.จ.ตรัง พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผกก.สภ.เมืองตรัง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 2 ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม ด.ญ.นัจญาวา คือ นายวิชิต หยงสตาร์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163/3 ม.6 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของน้องวา และนายเอกลักษณ์ หยงสตาร์ อายุ 23 ปี ลูกชายของนายวิชิต แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน


พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผบก.ภ.จ.ตรัง กล่าวว่า
ตำรวจมีพยานหลักฐานทั้งด้านเทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์ ที่เชื่อมโยงว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยก่อนหน้านี้ได้เชิญตัวมาสอบสวน และต่อมาเมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ศาลอนุมัติออกหมายจับทั้ง 2 คน เบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตามตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว สำหรับสาเหตุนั้นคาดว่ามาจากเรื่องความใกล้ชิดของผู้ต้องหากับผู้ตาย อย่างไรก็ตามรายละเอียดการสืบสวนสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก เพราะเกรงจะเสียรูปคดี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวในวันนี้ ตำรวจไม่ยอมเปิดใบหน้าของผู้ต้องหาให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ

โดยให้สวมหมวกไอ้โม่งคลุมหัวตลอดเวลา โดยเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีนายหนึ่งเปิดเผยว่า แนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจนั้น หลังเกิดเหตุก็ได้เร่งติดตามหาพยานหลักฐาน กระทั่งผิดสังเกตที่ระบบสัญญาณกันขโมยของรถยนต์คันที่น้องวานอนอยู่ในคืนเกิดเหตุก่อนหายตัวไป เพราะตรวจสอบพบว่ามีการดึงสายไฟเชื่อมต่อวงจรออก เมื่อเปิดประตูจะไม่มีสัญญาณดังขึ้น ซึ่งแสดงว่ามีการจงใจปลดสัญญาณกันขโมยออก เพื่อให้คนอื่นสามารถเปิดประตูรถยนต์เข้าไปอุ้มตัวน้องวาออกจากรถได้ โดยที่สัญญาณกันขโมยไม่ดังจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต นอกจากนี้ ตำรวจยังได้ตัวพยานรายหนึ่งที่มีการเชื่อมโยงไปถึงตัวนายวิชิต ผู้ต้องหา โดยนายวิชิตได้แลกซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือกับพยานคนดังกล่าว และหลังพบศพน้องวาที่ จ.พัทลุง แล้วนั้นปรากฏว่า หมายเลขโทรศัพท์ของพยานที่นายวิชิตยืมไปใช้ มีการติดต่อไปยัง จ.พัทลุง บ่อยครั้ง

ต่อมาตำรวจได้สอบปากคำพยานก็ให้การซัดทอดว่า นายวิชิตเคยไหว้วานให้บีบคอเด็ก

แต่พยานไม่กล้าทำ จึงทำให้นายวิชิตต้องไปไหว้วานคนอื่น ส่วนนายเอกลักษณ์ ลูกชายของนายวิชิตที่เกิดจากภรรยาเก่า พบว่าอยู่ในเหตุการณ์อุ้มน้องวา ร่วมกับผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งที่หลบหนีอยู่ สำหรับสาเหตุมาจากที่นายวิชิตต้องการมีลูกกับ น.ส.รจนา สะเหราดี แม่ของน้องวา แต่ น.ส.รจนาไม่ยอม และคุมกำเนิดไม่ให้ตั้งท้อง เพราะเห็นว่ามีน้องวาอยู่แล้ว ประกอบกับการที่นายมุดา สะเหราดี ผู้เป็นตาของน้องวา ต้องการมอบทรัพย์สินให้น้องวา ทำให้ผู้ต้องหาอิจฉาและโกรธแค้น เกรงว่าหากมีลูกกับ น.ส.รจนาแล้ว จะไม่มีสมบัติเหลือไว้ให้ลูกใหม่ จึงวางแผนสังหารน้องวาในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะแถลงข่าว ตำรวจอนุญาตให้ น.ส.รจนา และญาติๆเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย

ทั้งนี้หลังจากพบหน้านายวิชิต สามีใหม่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าลูกเลี้ยงตัวเอง น.ส.รจนาได้ต่อว่านายวิชิตอย่างหนัก ว่าไม่ทิ้งนิสัยเดิม แค่เรื่องสมบัติเล็กน้อยก็ยังทำได้ ที่ผ่านมาพยายามช่วยเหลือมาตลอด แต่กลับมาคิดฆ่าน้องวาอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งนายวิชิตพยายามเถียงว่าไม่ได้ทำและถูกปรักปรำ ขณะเดียวกันบริเวณชั้นล่างของโรงพักเมืองตรัง มีบรรดาญาติของน้องวาและประชาชนที่ทราบข่าว ติดตามมารอดูหน้าคนร้ายในคดีนี้และพากันส่งเสียงสาปแช่งเซ็งแซ่


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์