เมื่อเวลา 11.00 น.
พ.ต.ต.นิรันดร ฟักสุวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุปล้นทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 47/9 หมู่ 2 ซอย พุทธบูชา 39 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. จึงรายงาน พ.ต.อ. จีระศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก. พ.ต.ท.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วัชระศักดิ์ ขุนพลพิทักษ์ สว.กลุ่มงานสืบสวน ศูนย์สืบสวน บช.น. เดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พฐ.
พบบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านทรงยุโรป 3 ชั้น
ปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณไร่เศษ ด้านนอกมีกำแพงรั้วเป็นอิฐศิลาแลง สูงประมาณ 2 เมตร บริเวณภายในมีการจัดแต่งสวน มีน้ำตก สนามหญ้า และปลูกต้นไม้อย่างร่มรื่น ด้านหน้าบ้านก่อนเข้าห้องรับแขกเจ้าหน้าที่พบนางศุภรัตน์ เพริดพริ้ง อายุ 66 ปี เจ้าของบ้านเหยื่อแก๊งโจรรายนี้ยืนรอตำรวจด้วยท่าทางยังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ในสภาพเลือดอาบเต็มใบหน้า หน้าตาปากบวมช้ำแดง แขนและขามีรอยช้ำคล้ายถูกเชือกมัด
เบื้องต้นเหยื่อเคราะห์ร้ายให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
อดีตตนเคยทำงานในตำแหน่ง ผอ.ฝ่ายการพยาบาล รพ.เวชสวัสดิ์ หรือ รพ.บางกอก 9 อินเตอร์ ในปัจจุบัน ส่วนสามีคือนายสุชาติ เพริดพริ้ง อายุ 67 ปี ทำงานเป็นที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10.00 น.
ขณะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง อยู่ๆรู้สึกเหมือน กับว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเหลียวกลับไปมอง ดูพบผู้ชาย 2 คน แต่งตัวเหมือนกันด้วยเสื้อคลุมแจ็กเกตสีดำ สวมกางเกงยีน ใช้ผ้าดำคาดหน้าปิดปาก สวมถุงมือ ทันทีที่หันมองไปเห็นทั้งคู่ก็ปรี่ตรงเข้ามาขนาบข้าง คนด้านขวาถือปืนพกแบบแม็กกาซีนและเครื่องช็อตไฟฟ้า ส่วนคนซ้ายมือตรงเข้ามาล็อกแขน คนขวามือง้างกำปั้นต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง พร้อมกับถามว่าตู้เซฟอยู่ไหน เมื่อตนไม่ยอมบอก ทั้งคู่จึงจับตนลากเข้าไปในห้องนอนที่ชั้นล่างซึ่งอยู่ถัดไป แล้วทั้งคู่ก็รุมกระทืบสลับกับต่อยท้อง ก่อนจับคว่ำหน้าใช้สายไฟจากเครื่องเล่นอิเล็กโทนมัดมือ แล้วใช้เชือกฟางมัดเท้า ระหว่างนั้นตน ได้ยินเสียงมีคนมากดออดประตูหน้าบ้าน คนร้ายถามว่ารีโมตประตูอยู่ไหน เมื่อไม่ยอมบอกคนร้ายจึงเดินค้นหา แล้วกดเปิดประตูให้เพื่อนร่วมแก๊งนำรถขับเข้ามาในบ้าน
จากนั้นทั้งหมดปล่อยทิ้งตนไว้ในห้อง แล้วต่างแยกย้ายกันค้นหาทรัพย์สินภายในบ้าน
โดยทั้งหมดปฏิบัติการอยู่ประมาณ 30 นาที แล้วหลบหนีไป ระหว่างนั้นตนได้พยายามดิ้นรนจนหลุดจากเครื่องพันธนาการ แล้วรีบสำรวจทรัพย์พบว่าบนชั้น 3 ภายในห้องทั้ง 3 ห้องถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย และชั้น 2 อีก 2 ห้อง คนร้ายได้ยกตู้เซฟยี่ห้อคิงส์ดอม น้ำหนักประมาณ 300 กก.ไปด้วย ภายในมีทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำรูปพรรณหลายสิบเส้น น้ำหนักประมาณ 100 บาทเศษ ปากกาม็องบลังอีก 30 ด้าม เครื่องเพชรทั้งแหวน สร้อยคอ เลสข้อมือ จี้เพชร รวมแล้วมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท นอกจากนี้ คนร้ายยังได้เงินสดภายในบ้านที่เก็บไว้ในห้องต่างๆ รวมแล้วอีกประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ติดมือไปด้วย
นางศุภรัตน์ให้การอีกว่า
ปกติบ้านหลังนี้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน 8 คน คือลูกสาว 2 คน ลูกเขย 1 คน หลานๆ อีก 3 คน ขณะเกิดเหตุทุกคนออกไปทำงานและไปโรงเรียนกันหมด เหลือเพียงตนอยู่บ้านเพียงลำพัง โดยก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณ 2 เดือนเศษที่ผ่านมา มีชายสองคนขับรถกระบะมาขอตรวจสอบเตาแก๊สหนหนึ่งแล้ว แต่เห็นว่าเตาแก๊สไม่ได้มีอะไรผิดปกติ จึงไม่อนุญาตให้เข้ามาในบ้าน กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเก็บลายพิมพ์นิ้วมือแฝงตามจุดต่างๆ ภายในบ้านพร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อมทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้ามีผู้เห็นเหตุการณ์พบรถกระบะต้องสงสัยยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน แต่จำทะเบียนไม่ได้ ขับมาวนเวียนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กระทั่งคนในบ้านออกไปทำงานกันหมดจึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้พบรถคันดังกล่าวได้ขับหายออกไป พร้อมกับรถกระบะโตโยต้าอีกคันหนึ่งขับตามออกไปติดๆ
โดยเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายต้องมีไม่น้อยกว่า 6 คน
เนื่องจากตู้เซฟมีน้ำหนักมาก ยากแก่การเคลื่อนย้าย และคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุน่าจะเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของคนภายในบ้านเป็นอย่างดี จึงเตรียมที่จะเรียกตัวคนรับใช้ ซึ่งมาทำงานที่บ้านหลังนี้เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ มาสอบปากคำ รวมทั้งคนสวนและช่างไฟที่เพิ่งมาดูแลซ่อมไฟฟ้า เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา มาสอบปากคำ เพื่อเป็นกุญแจนำไปสู่ตัวคนร้ายต่อไป