ระยองดุปะทะเดือดกลางถนน แก๊งปล้นทรัพย์ดับ1 หนี2

วิสามัญแก๊งคนร้ายปล้นทรัพย์เจ้าของร้านยาน้ำผึ้งแอนด์น้ำฝนเภสัช ขณะกำลังขับรถหลบหนี แต่ถูกสกัดจับกลางทางก่อนเปิดฉากยิงใส่กันดับอนาถ 1 ศพ เพื่อนร่วมแก๊งวิ่งหนีไปได้ 2 คน

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 พ.ย. พ.ต.ท. ประเสริฐ เตชะมา พนักงานสอบสวน สภ. บ้านค่าย จ.ระยอง ได้รับแจ้ง จาก น.ส. เสาวลักษณ์ วิไลเลิศ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/19 หมู่ 4 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เจ้าของร้านขายยา ชื่อร้าน น้ำผึ้ง แอนด์ น้ำฝนเภสัชว่า ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในบ้าน มีคนร้ายเป็นชาย 3 คน เข้ามาในร้าน แล้วชักปืนออกมา ปล้นทรัพย์สิน ได้แก่ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง กระเป๋าเงิน 1 ใบ ภายในมีเงินสดอยู่จำนวน 3,000 บาท กุญแจบ้านและกุญแจรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบร์อนเงิน หมายเลขทะเบียน กจ 6102 ระยอง หลังก่อเหตุเสร็จคนร้าย ได้ขับเอารถ โตโยต้า วีออส ของตนซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านหลบหนี ไปตามถนนสาย บ้านค่าย มุ่งหน้าออกไปถนนสาย 36 ตรงไปยัง จ.ชลบุรี

หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.ประเสริฐ ได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.อธิก ลาภานุพัฒน์ รอง ผกก. ป. สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ให้ช่วยนำกำลังสกัดจับคนร้ายกลุ่มนี้

หลังรับทราบเหตุแล้วก็ได้ประสานไปยัง อาสาสมัคร และ หน่วยกู้ภัยสยามรวมใจ ให้ช่วยนำกำลังสกัดจับ กระทั่งรถคนร้ายได้วิ่งมาถึงบริเวณสี่แยกขนำไร่ หมู่ 4 ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา ทาง พ.ต.ท.อธิก ได้สั่งให้เปิดสัญญาณไฟแดง และให้นำรถสิบล้อมาปิดกั้นขว้างถนน เพื่อบังคับให้คนร้ายหยุดรถ

ปรากฏว่า คนร้ายได้พยายามจะขับเบี่ยงลงข้างทาง แต่ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้รถของคนร้ายตกลงไหล่ถนน

แต่คนร้ายก็ไม่ยอมมอบตัวแต่โดยดีและได้เปิดประตูรถและชักอาวุธปืนขึ้นมายิงต่อสู้กับตำรวจเพื่อเป็นการเปิดทางแต่ถูกตำรวจยิงสวน ทำให้กระสุนปืนถูก 1 ใน 3 คนร้ายจนเสียชีวิตคา โดยสภาพศพอยู่ห่างจากตัวรถไปประมาณ 20 เมตร นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนจำนวนมากตกอยู่เกลื่อนพื้นถนน ทราบชื่อผู้ตายคือ นายสุชาติ ผิวละออง อายุ 36 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 10 ต. สำเภาลูน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ถูกยิงเข้าที่ ศรีษะข้างขวาทะลุซ้าย ในตัวพบกระเป๋า เงิน 1ใบ มีเงินอยุ่ 2,000 บาท และบัตรประจำตัวงประชาชน ในกระเป๋ากางเกง พบเงินสด 3,000 บาท คาดว่า เป็นเงินที่ปล้นมาได้ ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. อีก 1 กระบอก สภาพพร้อมใช้งาน และปลอกกระสุนปืน 1 นัด

กระทั่งเวลา 23.00 น. ล่าสุดตำรวจสภ.นิคมพัฒนา และอาสาสมัครได้กระจายกำลังออกติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่กำลังหลบหนีอีก 2 คน แต่ยังไร้วี่แววเนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่มืดและสองข้างทางเป็นป่ากระถิน ประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับเขาห้วยมหาดซึ่งยากต่อการติดตามโดยง่าย