ตุ๋นจอมขวัญพิธีกรเจาะใจโทรลวงแฮ็กข้อมูลบัตรเครดิต

"จอมขวัญ" พิธีกรเจาะใจ-ผู้ประกาศข่าว เจอแก๊ง "แฮ็ก" ข้อมูลบัตรเครดิต

อ้างเป็น จนท.แบงก์ชาติ บอกเป็นหนี้ 4.8 หมื่นบาท เสนอตัวช่วย ลวงถามข้อมูล-แนะเปลี่ยนแถบแม่เหล็กบัตร-เช็คยอดเงินในตู้เอทีเอ็ม 2 แบงก์ดัง โชคดีเจ้าตัวไหวตัวทันจึงรอด ด้าน จนท.ฝ่ายกฎหมายแบงก์แห่งหนึ่งแฉฝีมือแก๊งคนร้ายข้ามชาติทำกันเป็นขบวนการใหญ่ เจาะระบบข้อมูลเหยื่อ-ระบบสื่อสารได้แยบยล
เหตุการณ์คนร้ายใช้กลโกงแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แฮ็กข้อมูลจากบัตรเครดิตยังคงปรากฏขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้บัตรเครดิต 

ล่าสุดได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร ผู้ประกาศข่าวสถานีเนชั่นแชนนัล และพิธีกรรายการโทรทัศน์ว่า 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. ได้รับสายจากโทรศัพท์หมายเลข 0-2850-0946 โดยมีเสียงผู้หญิงจากปลายสาย ซึ่งเป็นเสียงอัตโนมัติระบุว่า "คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำนวนเงิน 48,000 บาท" จากนั้นเสียงอัตโนมัติได้ระบุให้กดหมายเลข 9 เพื่อฟังรายละเอียดเพิ่มเติม
 

น.ส.จอมขวัญกล่าวอีกว่า 

เมื่อทำตามขั้นตอนตามเสียงอัตโนมัติระบุ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมารับสาย ระบุว่าตนได้ไปใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งตนได้บอกปฏิเสธไปว่าไม่เคยมีบัตรเครดิตของธนาคารดังกล่าว ปรากฏว่าผู้หญิงคนดังกล่าวตอบกลับมาว่า บัตรเครดิตอาจจะถูกแฮ็กข้อมูลไปแล้ว จะช่วยแก้ไขให้โดยการติดต่อไปที่ ธปท. เพื่อให้ดำเนินการแก้ไข และจะให้เจ้าหน้าที่ของ ธปท.แจ้งกลับมาบอกอีกครั้ง

ผู้ประกาศข่าวคนดังกล่าวต่อว่า 

หลังจากวางสายไปไม่นาน ก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีกครั้ง แสดงตัวว่าชื่อ นายอภิวัฒน์ มงคลกุล ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ ธปท. ซึ่งบอกตนว่า บัตรเครดิตอาจจะถูกแฮ็กข้อมูล จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแถบแม่เหล็กด้านหลังบัตร โดย ธปท.จะดำเนินการให้
"จากนั้นเขาก็วางสายไป แล้วอีกประมาณไม่เกิน 10 นาที หญิงสาวคนหนึ่งก็โทรเข้ามาอ้างชื่อว่า น.ส.นภาพร ทวีโชค เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ ธปท. โดยเบอร์ที่โทรเข้ามาที่เครื่องเป็นเบอร์ส่วนตัว ระหว่างที่พูดคุยกับ น.ส.นภาพร ปรากฏว่าพยายามถามข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะตัวเลขที่ปรากฏหน้าบัตรเอทีเอ็ม เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งคำพูดของเขาน่าเชื่อถือจึงได้หลงเชื่อ และบอกข้อมูลไปตามที่เขาต้องการ" น.ส.จอมขวัญ ระบุ
 

ผู้ประกาศข่าวคนเดิมกล่าวด้วยว่า 

เมื่อบอกข้อมูลตามที่ น.ส.นภาพร ต้องการแล้ว น.ส.นภาพรได้บอกอีกว่า จะทำการเปลี่ยนแถบแม่เหล็กให้ โดยวิธีการเปลี่ยนแถบจะต้องไปเช็คยอดเงินในบัตรก่อน โดยแนะนำว่าจะต้องไปเช็คยอดที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย
"พอเขาบอกว่าต้องไปเช็คยอดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม เริ่มเกิดความสงสัยว่าทำไมจะต้องเจาะจงเป็นตู้เอทีเอ็มของสองธนาคารนี้เท่านั้น ซึ่ง น.ส.นภาพรได้ระบุว่า ตู้เอทีเอ็มของสองธนาคารนี้สามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับ ธปท.เมื่อเขาพูดอย่างนี้ ฉันเชื่อว่าจะต้องถูกหลอกแล้ว จึงบอกไปว่า ทำงานด้านสื่อ ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ แต่เขาก็ปฏิเสธอ้างว่าไม่สะดวกจะให้เบอร์และพยายามพูดจาบ่ายเบี่ยงทุกอย่างก่อนที่จะรีบวางสายไป" น.ส.จอมขวัญ กล่าว
 

น.ส.จอมขวัญกล่าวอีกว่า 

หลังจากที่ น.ส.นภาพรวางสายไปแล้วก็พยายามโทรกลับไปยังเบอร์โทร.0-2850-0946 ที่โทรเข้ามาหาครั้งแรก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงเสียงอัตโนมัติระบุว่า หมายเลขนี้ยังไม่เปิดใช้บริการ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่ามิจฉาชีพกลุ่มนี้มีวิธีการอย่างไรที่ใช้เบอร์ดังกล่าวโทรเข้ามาหา ลักษณะการโทรเหมือนเวลาที่เราโทรติดต่อไปยังธนาคารต่างๆ เป็นวิธีการที่แยบยล คิดไม่ถึงว่ากลุ่มมิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงทำให้เหยื่อเข้าใจผิดได้
 

"หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์ไปอายัดบัตรเอทีเอ็มใบดังกล่าว พร้อมกับตรวจสอบไปทาง ธปท. 

ปรากฏว่าไม่มีชื่อพนักงานดังกล่าวทำงานที่ ธปท. จึงอยากจะฝากเตือนผู้ที่ใช้บัตรเครดิตให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเรื่องนี้เท่าที่ได้คุยกับผู้ใหญ่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการแจ้งเตือนไปยังธนาคารต่างๆ ให้เตือนผู้ที่ใช้บริการอย่าหลงเชื่อ ให้ตรวจสอบกับทางธนาคารโดยตรง" น.ส.จอมขวัญ กล่าว
 

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งกล่าวว่า 

เรื่องดังกล่าวมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของธนาคารได้แจ้งความและลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้ตำรวจดำเนินการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้

"เท่าที่รู้แก๊งนี้เป็นแก๊งคนร้ายข้ามชาติ ทำกันเป็นขบวนการใหญ่ วิธีการสามารถเจาะระบบข้อมูลของเหยื่อและเจาะระบบการสื่อสาร มีวิธีการที่แยบยล จึงฝากเตือนลูกค้าธนาคารให้ระวัง รวมถึงมีการแจ้งเตือนผ่านทางเว็บไซต์ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกลุ่มนี้" เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายคนเดิม ระบุ
 

อย่างไรก็ตามนายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมายและคดี ธปท. กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ธปท.หลอกลวงประชาชนว่า

ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ธปท.โทรศัพท์ติดต่อไปยังประชาชนทั่วไป และแจ้งว่าประชาชนผู้รับโทรศัพท์เป็นหนี้ค้างอยู่กับสถาบันการเงินต่างๆ พร้อมทั้งพยายามสอบถามข้อมูลบัญชีเงินฝาก เลขที่เอทีเอ็ม เลขที่บัตรเครดิต และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ โดยอ้างว่าจะส่งเอกสารเกี่ยวกับการเป็นหนี้ให้

"ธปท.ไม่เคยให้บุคคลใดๆ โทรศัพท์สอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็ม หากประชาชนได้รับโทรศัพท์ในลักษณะนี้ อย่าให้ข้อมูล แต่ขอชื่อและหน่วยงานของผู้ที่โทรศัพท์มา แล้วตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์แท้จริงของหน่วยก่อนติดต่อกลับไปที่หน่วยงานนั้น" นายชาญชัย กล่าว
 

ทั้งนี้ธปท.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อบุคคลที่แอบอ้างต่อไป 

จึงขอความร่วมมือผู้ที่มีเบาะแสในเรื่องนี้แจ้งข้อมูลมายังฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2283-5760


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์