กรณีสาวใหญ่แสบอ้างเป็นพันเอกหญิง คุณหญิงต้มข้าราชการระดับสูง ทั้งทหารและตำรวจว่าสามารถวิ่งเต้นขอตำแหน่งได้ แต่ภายหลังเหยื่อเริ่มเอะใจ เมื่อไม่สามารถทำตามที่คุยไว้ จึงตรวจสอบถึงรู้ว่าที่แท้เป็นแค่คุณหญิงกำมะลอ
เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยติดตามจับกุมได้ในที่สุด ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 พ.ย. ร.ต.ต.ปียะวัฒน์ ทองอุทัย พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (บก.ปดส.) ควบคุมตัวนางสมบูรณ์ หมอกมัว อายุ 51 ปี คุณหญิงกำมะลอรายนี้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงตนว่าเป็นบุคคลอื่น ไปยื่นฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา
ค้านประกัน พอ.หญิงคญ. พบตุ๋นพตอ.
คำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อเดือน พ.ค. 49 ถึงวันที่ 2 พ.ย. 50 ต่อเนื่องกัน นางสมบูรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 3296/2550 ลงวันที่ 2 พ.ย. 50
ได้อ้างกับ พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ นายแพทย์ (สบ 4) กลุ่มงานนิติพยาธิ สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจผู้เสียหาย ว่าเป็นบุคคลชื่อ พันเอก (หญิง) สุชฎา เทพหัสดิน ณ อยุธยา พร้อมกับแสดงภาพถ่ายร่วมกับบุคคลสำคัญ และงานกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ หลอกลวง พ.ต.อ.พรชัยออกค่าเช่าห้องพักที่อาคารปทุมวันเพลสให้ 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังเรียกขอเงินไปอีก 20,000 บาท อ้างนำไปช่วยเหลือโรงเรียนในภาคใต้ ทำให้ พ.ต.อ.พรชัยได้รับความเสียหาย ก่อนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปดส. ร่วมกันจับกุม นางสมบูรณ์ได้ที่อาคารปทุมวันเพลส แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงว่าเป็นบุคคลอื่น
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เหลือการสอบพยานอีกจำนวน 4 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติพิมพ์มือผู้ต้องหา
จากกองทะเบียนประวัติอาชญากรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.-14 พ.ย. 50 โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง ด้าน พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส.มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.1 บก.ปดส.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขยายผลหาผู้เสียหายรายอื่นที่ตกเป็นเหยื่อสาวใหญ่จอมต้มตุ๋นมาแจ้งข้อหาอายัดตัวเพิ่มเติมเพื่อ ให้เข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชนจะได้ไม่มีการยอมความกันภายหลัง แม้ผู้เสียหายบางรายที่เป็นข้าราชการทหารและตำรวจระดับสูงอาจจะอับอาย กลัวเสียชื่อเสียงจนไม่กล้าโผล่ปรากฏตัวเข้าแจ้งความก็ตาม