คดีนี้ตำรวจทั้งหลายต้องดูเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่าการทำงานต้องไม่ประมาท เพราะขนาดนายตำรวจระดับยศพันตำรวจโทซึ่งนั่งสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่บนโรงพัก ยังพลาดท่าถูกพวกมันคว้ากระติกน้ำร้อนชงกาแฟสาดหน้าก่อนพากันวิ่งหนีไป
อย่านึกว่าอยู่บนโรงพักแล้วจะปลอดภัยตำรวจพลาดท่าให้กับโจรผู้ร้ายกันมานักต่อนัก
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.บุญเลิศ ดอนเพชรเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.ต. ย่อยหนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งกำลังทำหน้าที่สอบปากคำ นายเจษฎา ลำจวน นายยงยุทธ อาจสามารถ น.ส.เสาวลักษณ์ ดีน้อย 3 คนร้ายแก๊งลักรถมอเตอร์ไซค์อยู่บน โรงพัก ระหว่างนั้นจู่ๆ นายเจษฎาได้ลุกไปหยิบกระติกน้ำร้อนชงกาแฟในห้องสอบสวนสาดเข้าที่หน้าพ.ต.ท.บุญเลิศอย่างจังจนร้องเสียงหลง ก่อนที่ทั้ง 3 คนจะวิ่งหลบหนีไป ยังดีที่ตำรวจตามไปจับกุมไว้ได้ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยไปตามๆ กัน
งานนี้แก๊งคนร้ายโดนตื้บจนอ่วม!?!
ย้อนกลับไปดูปูมหลังเรื่องนี้เริ่มจากเกิดคดีคนร้ายลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีขาว สภาพใหม่ ยังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของนายบำรุง คงคา อายุ 26 ปี ไปจากบริเวณงานมหกรรมอาหารในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ กลางดึกวันที่ 19 ต.ค. เหตุเกิดในท้องที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งหลังรับแจ้งเหตุตำรวจชลบุรีได้วิทยุสกัดจับคน ร้ายเป็นชาย 2 หญิง 1 ที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปทางตู้ยามหนองรี ท้องที่สภ.ต.ย่อยหนองขามในทุกเส้นทาง จนกระทั่งคนร้ายทั้ง 3 หนีไปจนมุมตำรวจประจำป้อมยามพร้อมกับอุปกรณ์งัดแงะอีกหลายรายการ
โจรแสบแหกโรงพัก สาดน้ำร้อน-ตร.จ๊าก เจ็บตัวเพราะประมาท
สายตรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน
คืนวันนั้นเป็นเวรของพ.ต.ท.บุญเลิศ หลังได้ตัวคนร้ายมาจึงลงมือสอบปากคำทันที โดยใช้ห้องทำงานบนโรงพักหนองขามเป็นสถานที่ในการสอบปากคำ นายเจษฎา นายยงยุทธ และ น.ส.เสาวลักษณ์ จนมุมพร้อมของกลางรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า รุ่นมีโอ ที่พวกมันสารภาพว่าเป็นรถของกลางที่เพิ่งขโมยมา โดยใช้เหล็กรูปตัวแอลเป็นอุปกรณ์ในการโจรกรรม
ขณะที่พ.ต.ท.บุญเลิศกำลังนั่งสอบปากคำ 3 คนร้ายอยู่นั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อนายเจษฎาหัวหน้าแก๊งได้ลุกขึ้นหยิบกระติกน้ำร้อนสำหรับชงกาแฟที่วางอยู่ในห้องพนักงานสอบสวน มาสาดใส่ร่างนายตำรวจคนดังกล่าวอย่างจัง ท่าม กลางเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของพ.ต.ท. บุญเลิศดังลั่นโรงพัก ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะพากันวิ่งหลบหนีออกไปจากห้องสอบสวนโดยมีตำรวจบางส่วนวิ่งไล่ตาม ไปติดๆ
ห้วงนั้นตำรวจที่เหลือบนโรงพักได้ช่วยกันนำตัวพ.ต.ท.บุญเลิศไปร.พ.เพื่อรักษาบาดแผลน้ำร้อนลวก
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของเหตุการณ์ตำรวจที่วิ่งไล่ตาม 3 คนร้ายไปก็สามารถจับกุมนายเจษฎากับนายยงยุทธไว้ได้จึงนำตัวกลับมา สอบสวนอีกครั้ง ส่วนน.ส.เสาวลักษณ์ฉวยโอกาสหลบหนีไปได้ การได้ตัวนายเจษฎากับนายยงยุทธกลับมาในครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านและเหล่าพลเมืองดีเกิดความไม่พอใจในพฤติกรรมอุกอาจของคนร้ายที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงบนโรงพัก จึงพากันเข้ารุมประชาทัณฑ์ทั้งคู่จนงอมพระราม
โดยนายเจษฎาได้รับบาดเจ็บสาหัสโดนตื้บที่คอเกือบหัก
ซี่โครงหักต้องหามส่งร.พ.อ่าวอุดม ให้แพทย์เข้าเฝือกคอและดามซี่โครง ขนาดถึงโรงพยาบาลนายเจษฎาก็ยังพยา ยามจะหลบหนีอีก แต่ไปไม่ไหวเพราะแพ้ต่อสังขาร เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใส่กุญ แจมือเอาไว้ ส่วนนายยงยุทธได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเจ้าหน้าที่จึงอายัดตัวไว้
ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์ไปให้พ้นต่อการจับกุม ทำร้ายเจ้าพนักงานหลบหนีในที่ควบคุม
พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องทันที
หลังทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ พ.ต.อ.วรพล อินทเส ผกก.สภ.อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งควบคุมพื้นที่สภ.ต.ย่อยหนองขามอีกทีหนึ่ง รีบเดินทางมาสอบปากคำนายยงยุทธทันที นายยงยุทธให้การว่า ก่อนเกิดเหตุถูกชักชวนให้มาลักรถในงานมหกรรมอาหาร ที่สวนอุตสา หกรรมเครือสหพัฒน์ โดยมีนายสมนึก ไม่ทราบนามสกุล ขับรถยนต์กระบะจากสมุทรปราการพามาส่งที่งานดังกล่าว จากนั้นลงมือลักรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีขาว สภาพใหม่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แล้วขับขี่ซ้อนท้ายกันไป 3 คน แต่รถน้ำมันหมดบนถนนเศรษฐกิจ บริเวณหมู่ที่ 3 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงเข็นรถจักรยานยนต์ก่อนจะจอดไว้ริมถนน แล้วโทร.ติดต่อให้นายสมนึกนำรถยนต์มาบรรทุกรถจักรยานยนต์กลับไป ต่อมาถูกตำรวจสายตรวจตู้ยามหนองรีผ่านมาพบและจับกุมนำส่งสภ.ต. ย่อยหนองขาม
ส่วนนาทีสาดน้ำร้อนใส่พ.ต.ท.บุญเลิศนั้น นายยงยุทธเล่าว่า
ตอนโดนสอบปากคำอยู่นั้น นายเจษฎาอาศัยช่วงที่ พ.ต.ท.บุญเลิศเผลอ จึงยกกระติกน้ำร้อนที่วางอยู่ในห้องสาดใส่ ก่อนตะโกนบอกให้พวกตนวิ่งแยกย้ายกันหลบหนีออกจากห้องสอบสวนไป แต่ไปไม่ได้ไกลสุดท้ายก็ต้องถูกจับกุมจนได้ สำหรับนายเจษฎาเป็นหัวหน้าแก๊งลักรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่ก่อเหตุมานับครั้งไม่ถ้วนในพื้นที่สมุทรปราการ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา โดยรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาจะนำไปขายคันละ 4,000-5,000 บาท หรือถอดอะไหล่ไปขาย จากนั้นนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพและเที่ยวเตร่กัน
เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นอุทาหรณ์สอนความไม่ประมาทในการทำงานของตำรวจ
เพราะที่ผ่านมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นบนโรงพักเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกรณีนักโทษแหกห้องขังหรือเหตุการณ์คนร้ายแย่งปืนตำรวจบนโรงพักก็มีข่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่คราวนี้มาแนวใหม่ใช้น้ำร้อนซึ่งดูไม่เหมือนอาวุธ แต่ใช้ทำร้ายเจ้าพนักงานได้
ประมาทเมื่อไหร่พลาดท่าเมื่อนั้น!?!