ตำรวจสอบเสี่ยคนสนิทสาวโปงลางสะออนหลังหายตัวลึกลับ
ระบุก่อนหายตัว 2 วันพาไปนวดสปาเพราะบ่นปวดหัว จากนั้นอีก 1 วันเพื่อนสาวโทรบอกไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วหายไป ค้นห้องเจอคราบเลือดส่งพิสูจน์ ด้าน "อี๊ด โปงลางสะออน" คาดเป็นแดนเซอร์ขาจร
จากกรณีนางสุทธมาศ รักสมบัติ อายุ 46 ปี อาจารย์โรงเรียนหนองมะเขือซองแมววิทยา จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียนกองปราบปราม เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2550 ว่า
น.ส.ชลธิชา บรรเทาทึก หรืออุ๋ย อายุ 23 ปี บุตรสาว อาชีพแดนเซอร์ และเคยรับงานแสดงของวงโปงลางสะออน ได้หายไปจากอพาร์ตเมนต์เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม
พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.1 บก.ป.) พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.อรรชวศิษฐ์ ศรีบุญยมานนท์ รอง สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลัง นำหมายค้นศาลอาญาพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจค้นห้อง 308 ชั้น 8 รุ่งทรัพย์แมนชั่น ปิ่นเกล้า เลขที่ 121 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. ซึ่งเป็นห้องที่ น.ส.ชลธิชา เคยพักอาศัยอยู่ก่อนจะหายตัวไป โดยมีนางสุทธมาศ ร่วมสังเกตการณ์ด้วย แต่ปัจจุบันพบว่ามีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พักอาศัยอยู่
พ.ต.อ.วรายุทธกล่าวว่า
จากการตรวจสอบพบว่า บัญชีการเงินและระบบโทรศัพท์ของ น.ส.ชลธิชา มีการใช้ผิดปกติ ส่วนการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและ พฐ.เข้าตรวจสอบในห้องพัก พบว่ามีคราบลักษณะคล้ายโลหิตบางส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบ ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากห้องพักดังกล่าวมีผู้เข้ามาพักอาศัยหลังจาก น.ส.ชลธิชา หายตัวไป
"เสี่ยหนุ่มที่ตกเป็นข่าวว่ามีความสนิทสนมกับ น.ส.ชลธิชา นั้น ได้เรียกสอบปากคำไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนประเด็นหายตัวไปก็ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใด ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ เพราะเพิ่งได้รับเรื่องไม่นานมานี้" พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าว
ด้านนางสุทธมาศกล่าวว่า
จริงๆ แล้วลูกสาวต้องมารับปริญญาในวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังเรียนจบจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกสาวจะมาหายตัวไป รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวมาก หากใครจับตัวเขาไปก็ขอให้พากลับมาคืน จะอยู่ในสภาพไหนก็รับได้หมด แต่ขอให้รอดปลอดภัยกลับมา เขาเป็นลูกสาวคนโตของบ้าน อนาคตยังอีกไกล อย่าตัดอนาคตลูกสาวด้วยวิธีนี้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นอกจากมีการตรวจค้นอดีตห้องพักของ น.ส.ชลธิชา แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและ พฐ.ยังได้ตรวจสอบรถยนต์มิตซูบิชิ สีบรอนซ์ ซึ่งเป็นของเพื่อนชายคนสนิท น.ส.ชลธิชา ว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ โดยพบว่ารถคันดังกล่าวประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียหาย ภายหลังจาก น.ส.ชลธิชา หายตัวไป และยังจอดรอการซ่อมแซมที่อู่รถแห่งหนึ่งย่านสาธุประดิษฐ์ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ชุดสืบสวนกองปราบปรามตั้งข้อสังเกตว่า รถยนต์คันนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับการหายตัวไปของ น.ส.ชลธิชา ก็เป็นได้
ด้านความคืบหน้าของชุดสืบสวนกองปราบปรามนั้น
ชุดสืบสวนที่นำโดย พ.ต.ท.ธีรเดช สืบทราบว่า เสี่ยหนุ่มคนที่มีความสนิทสนมกับ น.ส.ชลธิชา นั้น เป็นเจ้าของโรงงานทำกระเป๋าแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร จึงส่งหมายเรียกให้มาให้ปากคำต่อชุดสืบสวนเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนเสี่ยคนดังกล่าวอ้างว่ารู้จักและคบหาอยู่กับ น.ส.ชลธิชาจริง
และทราบเรื่องการหายตัวไปของ น.ส.ชลธิชา แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปแต่อย่างใด พร้อมกับบอกว่า รู้จักกับ น.ส.ชลธิชา เมื่อเดือนมีนาคม 2548 ที่ฮอตแทร็กคาเฟ่ ขณะที่ น.ส.ชลธิชา เป็นแดนเซอร์อยู่ที่สถานบริการดังกล่าวจากนั้นได้คบหาและติดต่อกันเรื่อยมาโดยจะเป็นคนขับรถไปรับส่งระหว่างที่ น.ส.ชลธิชา ไปรับงานรำไทย พิธีกร และแดนเซอร์ ซึ่งจะจ่ายเงินให้ 3,000 บาทต่อเดือน เป็นค่าห้องพักที่ปิยนันท์ แมนชั่น ในซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. และให้เงินเดือนอีกเดือนละ 2 หมื่นบาท เป็นค่าเลี้ยงดูในช่วงที่ น.ส.ชลธิชา ยังเป็นนักศึกษาอยู่
เสี่ยคนดังกล่าวให้การว่า
ต่อมาทราบว่า น.ส.ชลธิชา มีปัญหากับแฟนเก่าชื่อ นายโด่ง ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง และนายโด่งได้มาก่อความวุ่นวายที่ห้องพัก ตนจึงให้ น.ส.ชลธิชา มาพักอาศัยที่รุ่งทรัพย์แมนชั่น ห้อง 308 ซึ่งอยู่ในซอยเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2549
เสี่ยหนุ่มรายนี้ให้การด้วยว่า
ต่อมาเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ได้เลิกคบหากับ น.ส.ชลธิชา ไปพักหนึ่ง เพราะ น.ส.ชลธิชา กลับไปคบกับแฟนเก่า กระทั่งปลายเดือนมกราคม 2550 ได้กลับมาคบกับตนอีกครั้ง ซึ่ง น.ส.ชลธิชา เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหา จากนั้นก็คบหากันเป็นแฟนเรื่อยมา จนเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา น.ส.ชลธิชา เที่ยวกลางคืนอย่างหนัก ตนจึงโทรศัพท์ไปฟ้องมารดาของ น.ส.ชลธิชา ทำให้ น.ส.ชลธิชามาบอกเลิกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตนเห็นว่าไปด้วยกันไม่ได้จึงแยกตัวออกมา แต่ยังคงจ่ายค่าห้องพักให้ และให้ค่าเลี้ยงดูอีกเดือนละ 1 หมื่นบาท
เสี่ยคนนี้ยังอ้างต่อว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน น.ส.ชลธิชา ได้ติดต่อมาว่าไม่สบายมาก มีอาการคล้ายคนเมาและอาเจียน จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา นอนพักรักษาตัวอยู่ 1 คืน จึงพากลับบ้านพักที่ จ.ขอนแก่น หลังจากนั้นได้พักอยู่ 3 วัน โดยตนพักอาศัยอยู่ด้วยก่อนจะกลับมากรุงเทพฯ ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน น.ส.ชลธิชา บอกว่าไม่สบายมากให้ไปดูอาการที่ห้องพัก จึงไปนอนเป็นเพื่อน 1 คืน และเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น มาทราบอีกครั้งว่าบ่ายวันเดียวกัน น.ส.ชลธิชา ออกไปเที่ยวทะเล แต่ไม่ทราบว่าที่ไหน โดยมี นายเจมส์ ไม่ทราบนามสกุล มาส่งที่หอพักในช่วงดึก เมื่อทราบเช่นนั้นจึงเดินทางกลับบ้านที่ จ.สมุทรสาคร
ต่อมาวันที่ 2 กรกฎาคม ทราบว่า น.ส.ชลธิชา ออกไปเที่ยวกับเพื่อนชื่อพุ่ม
จนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม น.ส.ชลธิชาโทรศัพท์มาหาอีกครั้ง บอกว่าปวดหัวมาก อยากไปนวดสปา จึงนัดไปพบกันที่สปาแห่งหนึ่งย่านห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า หลังจากนวดเสร็จจึงพามาส่งที่ห้องพักเวลาประมาณ 21.00 น. และตนออกจากห้องไปราวเวลา 22.00 น.
เสี่ยเจ้าของโรงงานกระเป๋ายังให้การด้วยว่า
น.ส.ชลธิชา บอกว่าจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่ชื่อ พุ่ม และแพร เวลา 23.00 น.วันเดียวกัน หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 4 กรกฎาคม เวลาประมาณ 08.00 น.ได้ไปหา น.ส.ชลธิชา อีกครั้งที่ห้องพัก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบว่า น.ส.ชลธิชา ไม่ได้อยู่ในห้องและไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ จึงรออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเดินทางออกไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.ชลธิชา อีกเลย กระทั่งมาทราบว่า น.ส.ชลธิชา หายตัวไป และมารดาพร้อมกับญาติได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ต.พัทยา และ สน.บางยี่ขัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบว่า เสี่ยคนนี้ให้การตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหรือไม่
เนื่องจากญาติพี่น้องของ น.ส.ชลธิชา สงสัยว่าเสี่ยเจ้าของโรงงานทำกระเป๋าอาจจะมีส่วนรู้เห็นการหายตัวไปของ น.ส.ชลธิชา เนื่องจากเป็นคนเดียวที่มีความสนิทสนม และยังอยู่กับ น.ส.ชลธิชา ก่อนที่จะหายตัวไปในวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังติดตามตัวกลุ่มเพื่อนของ น.ส.ชลธิชา มาให้การกับชุดสืบสวนอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบเงื่อนเวลาที่พบ น.ส.ชลธิชา
ขณะที่นายสมพงษ์ คุนาประถม หรือ อี๊ด โปงลางสะออน กล่าวว่า
ไม่รู้จัก อุ๋ย หรือ น.ส.ชลธิชา บรรเทาทึก แต่ในวงโปงลางสะออนก็มีสมาชิกชื่อ น.ส.ชลธิชา เหมือนกัน เพียงแต่คนละนามสกุล น.ส.ชลธิชา ที่เป็นสมาชิกวงนามสกุลเนตรผง ปัจจุบันก็ยังคงทำงานร่วมกับวง ไม่ได้หายไปไหน ส่วน น.ส.ชลธิชา บรรเทาทึก คาดว่าจะเคยเป็นแดนเซอร์ขาจรที่มาร่วมงานงานหนึ่งเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วเพียงงานเดียว โดยขณะนั้นวงเปิดออดิชั่นแดนเซอร์ที่มาประกอบการแสดงมากถึง 50 คน จึงไม่สามารถจำแดนเซอร์ขาจรเหล่านี้ได้หมดทุกคนด้านฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท อาร์สยาม จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ต้นสังกัดวงโปงลางสะออน เผยว่า น.ส.ชลธิชา บรรเทาทึก เป็นนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์ เคยมาร่วมงานกับวงโปงลางสะออนจริง แต่เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น เมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว