ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ต.ค.
พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.3 พ.ต.อ.เสนาะ อ่อนศรี รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.3 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายรัตนชัย โพธิ์กุล อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 2028/50 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2550 ข้อหา ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิใช่เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ กระทำการนั้น และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นามบัตรระบุชื่อ ร.ต.ท.วรุต กิติยานุกุล รอง สว.งานสืบสวน สตม.ตร. 48 ใบ ชุดปกติขาวของนายทหารบกยศร้อยโท ติดป้ายชื่อว่า “วีรชัย วิบูรณ์ไพศาลกุล” ปืนอัดลม 1 กระบอก หนังสือกฎหมาย 10 เล่ม และอื่นๆอีกหลายรายการ
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น.
ผู้ต้องหากับพวกอีก 2 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.ท. สังกัด สตม. จับกุมตัวนายสุวรรณ์ กรงรัมย์ อายุ 26 ปี นายถาวร กรงรัมย์ อายุ 19 ปี และนายวิจิตร อาษภักดิ์ อายุ 32 ปี อ้างว่า เป็นผู้นำคนงานต่างด้าวชาวกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทยขู่เรียกเงิน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว นาย สุวรรณ์จึงได้โทรศัพท์ให้นายเศวต กรงรัมย์ อายุ 25 ปี น้องชาย นำเงินมามอบให้ที่ห้างเทสโก้ โลตัส สาขามีนบุรี แต่ได้เพียง 20,000 บาท กลุ่มผู้ต้องหาจึงนำรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียนป้ายแดง ก-0423 สระแก้ว ของผู้เสียหายไป นายเศวตจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 สกัดจับกุมได้บริเวณปากซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. นำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี แต่ผู้ต้องหาอ้างเป็นนายตำรวจสังกัด สตม. ก่อนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้
ต่อมาวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.3 ได้พบผู้ต้องหาบริเวณศูนย์อาหารเมืองทองธานี หมู่ 5 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
จึงแสดงตัวเข้า จับกุม และขยายผลตรวจค้นห้องเลขที่ 13/32 อาคารซี 9 เมืองทองธานี พบของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดหลาย รายการ สำหรับผู้ต้องหารายนี้ยังมีหมายจับศาลจังหวัดนครนายก ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ของโรงแรมโฮมแอนด์ฮิลล์ รีสอร์ต อ.เมืองนครนายก ได้เงินไป 20,000-30,000 บาท และมีหมายจับของศาลจังหวัดระยอง ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ของโรงแรมเสม็ดวิลล์รีสอร์ต อ.แกลง จ.ระยอง ได้เงินไป 20,000-30,000 บาทเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังเคย อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. รีดเงินแรงงานต่างด้าวย่านซอยรามคำแหง 102 ท้องที่ สน.บางชัน ประมาณ 7-8 คน รายละ 5,000 บาทต่อเดือน
รวบรตท.เก๊ได้แล้ว รีดขอทาน1.2แสน
นายรัตนชัยรับสารภาพว่า จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครนายก ก่อนที่จะเดินทาง เข้า กทม.
โดยครั้งแรกเจอคนงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จึง แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดไถเงินมา 1,000 บาท ต่อมา เจอกับนายชาติชาย สารศรี อายุ 42 ปี คนขับรถแท็กซี่เลยชวนมาร่วมกลุ่มกันตระเวนปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจออกรีดไถขอทาน แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และย่านรามคำแหง สำหรับตนชอบศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับข้อกฎหมายจากตำรากฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง รวมทั้งยังศึกษาแนวทางการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาศัยปลอมแปลงเอกสารของหน่วยงานภาครัฐต่างๆเพื่อให้เกิดความสมจริงและน่าเชื่อถือในการลงมือก่อเหตุ สำหรับเครื่องแบบทหารนั้น ใช้แต่งไปเดินตามห้างสรรพสินค้าหลอกลวงหญิงสาวให้ เข้ามาสนใจ ส่วนเงินที่หลอกลวงและรีดไถมาได้ก็จะนำไปเที่ยวเตร่กับกลุ่มเพื่อน
หนุ่มแสบที่ชอบอ้างตัวเป็นนายตำรวจยอมรับอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 2 เดือน
เคยปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมประชาสงเคราะห์ขู่กรรโชกทรัพย์นางสมทรง ชมเชย อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 779 หมู่ 3 ซอยวัดด่านสำโรงเหนือ 48 ถนนสุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ ที่นั่งขอทานอยู่บริเวณสะพานหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสำโรง เพราะคิดว่าเป็นขอทานชาวกัมพูชา ข่มขู่ให้นำเงินมาเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อย ตัว นางสมทรงนำสมุดบัญชีของธนาคารออมสิน สาขา จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีเงินในบัญชีจำนวน 140,000 บาท มายื่นให้ ตนจึงพานางสมทรงไปที่ธนาคาร บังคับให้เซ็นเบิกเงินไป 120,000 บาท
ด้านนางสมทรง เหยื่อวัยชรา เปิดเผยว่า
อาศัยอยู่กับนายทองหล่อ ชมเชย อายุ 78 ปี สามี แต่ในวันเกิดเหตุเดินทางไปทำบุญที่ จ.อ่างทอง เงินที่ผู้ต้องหาได้นำไปนั้น ตนใช้เวลาเก็บออมมากว่า 30-40 ปี ขณะนั้นรู้สึกหวาดกลัวและมึนงงจึงยอมถอนเงินให้ไป บางส่วนเป็นเงินที่เคยถูกสลากออมสิน ตั้งใจที่จะเก็บไว้ใช้ในยามที่แก่เฒ่า ไม่มีแรงที่จะทำงาน แต่ก็ต้องมาถูกคนร้ายหลอกลวงเอาเงินไป ขณะนี้เหลือเงินในบัญชีเพียง 20,000 บาทเท่านั้น ตอนแรกก็ทำใจคิดว่า คงจะไม่ได้คืนแล้ว นับจากนี้ ตนคงไม่ไปขอทานอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป