ฝรั่งตุ๋ยเด็กจนมุมที่โคราชแฉพานอนครั้งละ7คน

หนุ่มแคนาดาอนาจารเด็กชายถูกจับแล้วในบ้านพักที่โคราช

เจ้าตัวยังไม่ยอมให้การใดๆ รอง ผบ.ตร.เผยข้อมูลในเชิงลึกผู้ต้องหามีพฤติกรรมทางเพศแบบผิดปกติ กักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อเด็กชายชาวเอเชีย มักทำวิตถารร่วมเพศกับเด็กชายครั้งละ 6-7 คนพร้อมกันแล้วนำภาพถ่ายเผยแพร่ทางเน็ต ระบุตำรวจท่องเที่ยวตามแกะรอยจากสาวประเภทสอง

จากกรณีตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลประกาศจับตัวนายคริสโตเฟอร์ปอล นีล อายุ 32 ปี สัญชาติแคนาดา 

ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กชายในหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทยจนกระทั่งกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (บก.ปดส.) ขออนุมัติหมายจับนายคริสโตเฟอร์ในข้อหาโดยปราศจากเหตุอันควรร่วมกับพวกพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร หน่วงเหนี่ยวกักขัง และอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งล่าสุดมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว

เมื่อเวลา15.00 น. วันที่19 ตุลาคมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 

พล.ต.อ.วงกตมณีรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศพงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.อดิศรนนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.จรัมพรสุระมณี พล.ต.ต.ปัญญามาเม่น รองผบช.ก. และพ.ต.อ.อภิชาติสุริบุญญา ผกก.ตำรวจสากลกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจสากล และสถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวจับกุมตัวนายคริสโตเฟอร์ ปอล นีล อายุ 32 ปีสัญชาติแคนาดา เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์2518 ผู้ต้องหาพรากผู้เยาว์และเป็นบุคคลที่ตำรวจสากลต้องการตัว หลังเผยแพร่ภาพตัวเองขณะล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายทางอินเทอร์เน็ต 

โดยจับได้ที่ อ.เมืองจ.นครราชสีมา

โดยมี พล.ต.ต.ชูชาติสุวรรณาคม ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) พ.ต.ท.กฤษณ์วาฤทธิ์ รอง ผกก.3 ทท. พ.ต.ท.ธนิตไทยวัชรามาศ รอง ผกก.1 พ.ต.ท.พันธนะนุชนารถ รองผกก.1 บก.ทท. (หน.ศปช.บก.ทท.) พ.ต.ท.สุรพงษ์ไทยประเสริฐ รอง ผกก.1 ทท. นำหมายจับศาลอาญา เลขที่ จ 2216/2550 เข้าจับกุมพล.ต.อ.วงกตเปิดเผยว่า ตำรวจสากลได้ประสานมายังตำรวจไทยตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า นายคริสโตเฟอร์ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย หลังจากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สนธิกำลังในหลายส่วน ทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองปราบปราม กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี และตำรวจท่องเที่ยว 

โดยสืบสวนติดตามตั้งแต่เข้ามาในประเทศไทยจนทราบว่า

ล่าสุดไปพักกับเพื่อนชายชาวไทยชื่อโอม อายุ 25 ปีที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ในนิคมอุตสาหกรรม หมู่ 5 ต.หนองละเวียงอ.เมืองจ.นครราชสีมาจึงตามจับกุมได้เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่19 ตุลาคม หลังจากที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายคริสโตเฟอร์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจไทยใช้เวลาเพียง 8 วันเท่านั้นในการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้

ขณะตำรวจเข้าไปจับกุมก็ได้สอบถามว่า คือนายคริสโตเฟอร์ ปอล นีล ชาวแคนาดาหรือไม่ เขาก็ยอมรับว่าใช่ จึงจับกุมทันที 

แต่เขายังไม่ยอมให้การใดๆ นอกเหนือจากการยอมรับว่าเป็นนายคริสโตเฟอร์เท่านั้น โดยจะขอรอปรึกษาบุคคลที่เชื่อถือได้เสียก่อน ข้อมูลเชิงลึกที่เราได้มาชัดเจนว่านายคริสโตเฟอร์ได้กระทำความผิดจริง และมีพฤติกรรมทางเพศแบบผิดปกติ กักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กชายชาวเอเชีย ทั้งเวียดนาม ลาว เขมร พม่า โดยมักทำวิตถาร ร่วมเพศกับเด็กชายคราวละ 6-7 คนพร้อมกัน และยังพบว่านอกจากเด็กผู้ชายแล้วยังมีผู้หญิงรวมไปด้วย และนำภาพการร่วมเพศ ไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต แต่จะใช้เทคนิคพิเศษอำพรางใบหน้าตัวเองไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร แต่ตำรวจสากลก็ใช้ความสามารถในการปรับภาพจนรู้ว่าเป็นใคร และประสานทั่วโลกจนตามจับกุมได้ในประเทศไทย" พล.ต.อ.วงกตกล่าว

รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่าสำหรับในประเทศไทยพบว่านายคริสโตเฟอร์กระทำความผิดล่วงละเมิดเด็กผู้ชายในประเทศไทย 

แต่ที่เป็นคดีแล้ว 1 คดี เหยื่อเป็นเด็กชาย อายุ 14 ปีถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อายุ 9 ขวบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม2546 ย่านดินแดงโดยนายคริสโตเฟอร์ใช้วิธีลวงไปเล่นเกมที่ห้องพัก จากนั้นก็ลงมือล่วงละเมิดทางเพศแล้วกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ ซึ่งหลังจากตำรวจสากลประสานมา เด็กคนนี้ได้มาเป็นพยานให้กับตำรวจ จนออกหมายจับได้ในครั้งนี้

นอกจากนี้จากการเปิดไฟล์ภาพของนายคริสโตเฟอร์ ยังพบว่ามีเด็กไทยอีก 2 คน ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 

แต่ยังไม่สามารถเอามาเป็นพยานได้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบว่าเป็นช่วงที่นายคริสโตเฟอร์ทำงานเป็นครูใน โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากใครที่เคยถูกนายคริสโตเฟอร์กระทำล่วงละเมิดทางเพศขอให้มาให้ปากคำกับตำรวจเพื่อใช้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งในเบื้องต้นแจ้งข้อหาตามหมายจับ 3 ข้อหาตั้งแต่ ร่วมกันพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีจากบิดามารดา กระทำอนาจาร เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีและกักขังหน่วงเหนี่ยว พล.ต.อ.วงกตกล่าว

รองผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะส่งตัวนายคริสโตเฟอร์ใน บก.ปดส. นำไปสอบสวนดำเนินคดีซึ่งตำรวจไทยจะให้สิทธิผู้ต้องหาอย่างเต็มที่ 

โดย ปดส.มีอำนาจควบคุมตัวเพียง48 ชั่วโมงจากนั้นจะต้องนำตัวไปฝากขัง ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่ ต้องพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหลังจากดำเนินคดีในประเทศเสร็จสิ้นก็จะส่งตัวให้ตำรวจในประเทศอื่นรับไปดำเนินการต่อ นอกจากนี้ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่านายคริสโตเฟอร์มีเชื้อเอชไอวีหรือไม่ ตามที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวล แต่ก็ต้องขึ้นกับเจ้าตัวว่าจะยินดีหรือไม่

ด้านพ.ต.ท.พันธนะ กล่าวเสริมว่า การแกะรอยติดตามตัวนายคริสโตเฟอร์เริ่มจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้รับข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

จึงได้กระจายกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวออกไปสืบหายังสถานบันเทิงย่านพัทยา โดยสอบถามสาวประเภทสองตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งนำรูปภาพของนายคริสโตเฟอร์ประกาศหาด้วย จนกระทั่งได้เบาะแสจากกลุ่มสาวประเภทสองด้วยกันว่านายคริสโตเฟอร์คบหาอยู่กับสาวประเภทสองคนหนึ่งชื่อนายโอม อายุประมาณ 20 ปี โดยนายโอมทำงานอยู่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านพัทยา ส่วนนายคริสโตเฟอร์เป็นครูสอนภาษาที่ต้องเดินทางไปสอนภาษาที่ประเทศเกาหลี และเวียดนาม โดยทั้งสองคบหากันได้ 2 ปี และพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดของนายโอมที่ จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกติดตามไปยังที่ จ.ชัยภูมิ แต่ไม่พบ

"เจ้าหน้าที่ตำรวจคลาดกันกับผู้ต้องหาเนื่องจากทั้งสองคนทราบข่าวว่ามีการติดตามตัวนายคริสโตเฟอร์ จึงพากันหลบหนีไปพักที่บ้านญาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสอบถามบุคคลในละแวกดังกล่าวของ จ.ชัยภูมิ จนทราบว่านายโอมมีญาติเป็นช่างตัดผมเปิดร้านอยู่ที่ จ.นครราชสีมา จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวของโคราชให้ช่วยหาข้อมูล จนกระทั่งทราบว่าทั้งสองไปพักอาศัยอยู่ที่ร้านทำผมกับญาติจริงจึงได้นำกำลังเข้าจับกุมได้ดังกล่าว พร้อมทั้งส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน ปดส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป" รอง ผกก.1 บก.ทท.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าก่อนจะนำตัวมาแถลงข่าว ตำรวจท่องเที่ยวควบคุมตัวนายคริสโตเฟอร์มาโดยรถตู้ของตำรวจท่องเที่ยว 

ทันทีที่ลงจากรถ นายคริสโตเฟอร์ใช้เสื้อสีฟ้าคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไว้ตลอด ก่อนตำรวจจะนำตัวฝ่ากลุ่มสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่รอทำข่าวกว่า 100 คนขึ้นไปยัง ห้องสำนักงาน ชั้น 5 อาคาร1 ตร.ของ พล.ต.อ.วงกตเพื่อให้ซักถามเบื้องต้นก่อนนำตัวมาแถลงข่าวที่ห้องประชุม 1 ตร. โดยระหว่างแถลงข่าวนายคริสโตเฟอร์สวมแว่นกันแดดสีดำมีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ตอบคำถามใดๆ