โจรจอมเฟอะฟะปล้นทอง-ทำเป๋าตังค์ตก ตร.ตามไปจับถึงบ้าน

ไม่ทันข้ามวันตำรวจก็สามารถจับกุมนายคมสัน โคตรปัดทุม อายุ 32 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 498/270 หมู่ 4 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทองในห้างเดอะมอลล์ บางแคเอาไว้ได้สำเร็จ ยึดของกลางเป็นทองรูปพรรณหนัก 350 บาทกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

คดีนี้คนร้ายจนมุมด้วยความเฟอะฟะของตัวเอง

เพราะดันทะเล่อทะล่าทำกระเป๋าตังค์ตกไว้ในรถแท็กซี่ที่ใช้เป็นพาหนะหลบหนี ซึ่งในกระเป๋าใบนั้นมีทั้งบัตรประชาชนและบัตรพนักงานระบุชื่อเสียงเรียงนามไว้เสร็จสรรพ เป็นผลดีทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเสียเวลาตามสืบหาให้ยุ่งยาก พอออกหมายจับก็ตามไปรวบนายคมสันถึงบ้านทันที

นอกจากนั้น ยังขยายผลไปถึงคดีปล้นร้านทองในจ.สมุทรปราการ เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมาซึ่งก็เป็นฝีมือของนายคมสันอีก 1 คดี

การได้ตัวนายคมสันทำให้ตำรวจปิดสำนวนลงได้ถึง 2 สำนวน ย้อนกลับไปดูเหตุปล้นทองกลางห้างครั้งนี้ เกิดขึ้นตอนค่ำวันที่ 15 ต.ค. ที่ร้านทองแม่ทองใบคลาสสิค ตั้งอยู่ชั้นจีโซนพลาซ่า ห้างเดอะมอลล์ สาขาบางแค ถนนเพชรเกษม แขวงและเขตบางแค เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวควงปืนปล้นทองไปต่อหน้าต่อตาพนักงานและผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยในห้าง กวาดทองรูปพรรณไปได้ทั้งสิ้นรวมมูลค่ากว่า 3 ล้าน

คนร้ายใช้เวลาลงมือเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น!??

ตำรวจเปิดดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นชายวัย 30 เศษๆ ลักษณะผอมสูงใส่เสื้อสีเหลือง คลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว สวมหมวกเดินป่าสีดำ สะพายเป้สีดำ กระโดดข้ามเคาน์เตอร์ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดข่มขู่พนักงานในร้าน แล้วใช้มือกวาดทองรูปพรรณบนแผงชั้นบนสุดหลบหนีไปขึ้นแท็กซี่สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มจ.4112 กทม. โดยมีพลเมืองดีขับรถไล่ตามไปติดๆ แต่คลาดกันที่บริเวณห้างโลตัส บางแค

เท่านั้นตำรวจจึงจัดกำลังตามล่าคนร้าย

งานนี้พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผบก.หน.ศส.บช.น ลงมาสั่งการไล่ล่าคนร้ายด้วยตัวเอง กำชับให้ชุดสืบสวนบก.น. 9 นำทีมโดยพ.ต.อ.นักรบ สุดใจ ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.พงศ์อานันท์ คล้ายคลึง รอง ผกก.สส.บก.น.9 และตำรวจท้องที่นำโดยพ.ต.อ.วราพงษ์ มโนลีหกุล ผกก.สน.หลักสอง พ.ต.ท.เถลิงศักดิ์ ชอบธรรม รอง ผกก.สส. และพ.ต.ต.ไพบูลย์ พูลสังขะวโร สว.สส. ออกหาเบาะแสคนร้ายเป็นการด่วน

การแกะรอยคนร้ายรายนี้ไม่ยากเย็นอะไร เพราะตำรวจรู้ทะเบียนรถแท็กซี่ที่คนร้ายใช้หลบหนีไป

แต่เมื่อตำรวจนำตัวโชเฟอร์แท็กซี่ทะเบียน มจ.4112 กทม. มาสอบปากคำ กลับได้รับคำตอบว่าคนร้ายได้เรียกแท็กซี่อีกคันหลบหนีต่อ ยังไม่ทันที่ตำรวจจะตามตัวแท็กซี่คันที่ 2 มาสอบสวน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโชเฟอร์แท็กซี่คันนั้นก็ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำกระเป๋าตังค์ที่คนร้ายทำหล่นไว้ในรถมามอบให้เจ้าหน้าที่ พร้อมกับสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้นที่มันให้ไว้แทนค่าโดยสารก่อนลงจากรถไป

ตำรวจตรวจสอบเอกสารในกระเป๋าทันที

ในกระเป๋ามีเอกสารบัตรประชาชนและหลักฐานอื่นๆ เต็มไปหมด ซึ่งในบัตรประชาชนระบุชื่อที่อยู่ของนายคมสันไว้อย่างชัดเจน เจ้าหน้าจึงนำรูปถ่ายในบัตรประชาชนมาเปรียบเทียบกับรูปคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ก็พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงขออนุมัติออกหมายจับนายคมสันทันที

ตี 3 วันเดียวกัน ตำรวจแบ่งกำลังไปเฝ้าจุดที่หน้าบ้านเลขที่ 498/270 หมู่ 4 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ซึ่งเป็นบ้านของนายคมสัน พบหมอนี่เดินดุ่มๆ อยู่หน้าบ้านจึงแสดงตัวเข้าจับกุม และพาไปยึดของกลางที่ซุกซ่อนไว้ในบ้าน ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และ 5 บาท รวม 122 เส้น น้ำหนัก 350 บาท และอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุชิงทรัพย์ อาทิ รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ขายาว สีดำ เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีเขียวอ่อน เสื้อแจ๊กเกตสีดำ หมวกแก๊ปคลุมศีรษะและคลุมหน้า อาวุธปืนปลอม ค้อนเหล็ก มีดปลายแหลม และกระเป๋าสะพายที่ใช้ขนทองไว้เป็นหลักฐาน

นายคมสันให้การรับสารภาพตลอดข้อหา

นายคมสันให้การรับสารภาพ ว่า ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า บริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ย่านบางปะกง มีเงินเดือน 10,200 บาท รวมเงินเดือนภรรยาด้วยแล้วมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท ที่ชิงทรัพย์ร้านทองลงมือคนเดียว ส่วนที่ต้องทำเพราะมีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย และยังติดหนี้บัตรเครดิตอีกด้วย ก่อนลงมือใช้เวลาคิดอยู่ครึ่งเดือน จากนั้นไปดูลาดเลาก่อน 1 วัน ที่เลือกลงมือที่ร้านดังกล่าว เพราะปลอดภัยต่อการหลบหนี วันที่ก่อเหตุมีการจัดเทศกาลกินเจเลยไม่ค่อยมีคน ซึ่งร้านทองริมถนนมีคนหน้าร้านเยอะ

"ตอนที่ลงมือหลังปีนข้ามเคาน์เตอร์เข้าไป พนักงานหญิงในร้านจับขยุ้มเสื้อ เลยชักปืนออกมาขู่ บอกว่าเข้ามาเดี๋ยวยิงไส้แตกเลย ทำให้พนักงานตกใจยอมปล่อยมือ แล้วก็รวบสร้อยทองหนีไป หลังก่อเหตุขึ้นรถแท็กซี่สองคัน คันแรกไปลงที่อุดมสุข แล้วต่ออีกคันไปถึงบ้าน ทั้งนี้ตอนกำลังจะลงรถหากระเป๋าสตางค์ไม่พบ เลยจ่ายค่ารถแท็กซี่เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท บอกกับโชว์เฟอร์ว่าผมวิ่งไม่ไหวแล้ว ช่วยผมหน่อย เขาคงรู้ว่าทำเรื่องไม่ดีมา แต่ไม่ได้บอกว่าทำอะไรมา จากนั้นก็กลับมาอยู่บ้าน ก่อนถูกจับออกไปเที่ยวนอกบ้านพอกลับมาตอนตี 3 จึงถูกจับกุม" นายคมสันกล่าว

นอกจากนี้ ตำรวจยังขยายผลทราบว่านายคมสันผู้นี้ยังลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ที่จ.สมุทรปราการ เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาด้วย

ได้ทองคำไป 200 บาท ซึ่งนายคมสันลงทุนซื้อตู้เซฟไว้ที่บ้านพักสำหรับเก็บทองคำโดยเฉพาะ จากนั้นได้ทยอยนำออกไปขายตามร้านทองต่างๆ ทีละเส้นสองเส้น อาทิ ร้านทองย่านฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต และในจ.ชลบุรี เงินที่ได้มานำไปต่อเติมบ้านพักราคา 2 ล้านบาทเศษ และซื้อรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค 3 คัน

ส่วนการลงมือชิงทรัพย์ทองคำครั้งล่าสุดนี้ ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องการเงินไปลงทุนทำธุรกิจ เพราะเคยทำได้ง่ายๆ เลยย่ามใจทำอีก แต่สุดท้ายก็มาจนมุมจนได้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์