ล่ารตท.ฆาตกร ประสานป. จัดการเด็ดขาด

จากคดีอุกฉกรรจ์ที่มีผลต่อการบังคับบัญชาของตำรวจทั่วประเทศ


เมื่อ ร.ต.ท.วัชรินทร์ รักประทุม พนักงานสอบสวน (สบ 1) ช่วยราชการฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน เลือดเดือด ยิง พ.ต.ท.วีรากร ไวยวุฒิ รอง ผกก.ป.สน.บางยี่ขัน นายตำรวจอนาคตไกล เสียชีวิตที่หน้า สน. บางยี่ขัน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุมาจาก ร.ต.ท.วัชรินทร์โมโหผู้ตายที่สั่งให้ปิดร้านอีสานเถิดเทิง ทั้งที่กำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่กับลูกน้อง ก่อนตามมายิง พ.ต.ท. วีรากรถึงโรงพักอย่างอุกอาจ ขณะที่ พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค ผกก.สน.บางยี่ขัน ออกตัวให้ ร.ต.ท.มือยิง อยู่ระหว่างล่อซื้อยาไอซ์ที่สถานบริการต้นเรื่อง ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.มือปราบ ลั่นไล่หลัง หนีได้หนีไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ต.ค.

พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้ประสานมายัง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามช่วยสืบสวนติดตามตัว ร.ต.ท.วัชรินทร์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ เนื่องจากมีจุดต้องสงสัยหลายจุดที่เชื่อว่า ร.ต.ท.วัชรินทร์ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว โดยเฉพาะตามบ้านญาติ และเพื่อนสนิท ทั้งต่างจังหวัด และ กทม. โดย พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปพ.บก.ป. และ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.5 บก.ป. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมสืบสวนกับตำรวจ นครบาลทันที
 

จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นของกองปราบปรามพบว่า

ร.ต.ท.วัชรินทร์เกิดที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีพรรคพวกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กใต้ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยชุดสืบสวนกองปราบปรามได้ส่งกำลังลงประกบเพื่อน และคนสนิทของ ร.ต.ท.วัชรินทร์แล้ว ขณะเดียวกันกำลังอีกชุดหนึ่งได้ลงไปเฝ้าจุดต้องสงสัย 10 จุด ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง และอำเภอใกล้เคียงของ จ.นครศรีธรรมราช ที่คาดว่าเป็นสถานที่หลบซ่อนตัว ทั้งนี้ ยังได้เชิญน้องชายของ ร.ต.ท.วัชรินทร์ 2 คน เป็นตำรวจ บก.ภ.จ.สมุทรปราการ และที่ ศปก.ตร.สน. จ.ยะลา มาสอบปากคำเบื้องต้นว่าหลังก่อคดียิง พ.ต.ท.วีรากรแล้วได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ 


รายงานข่าวจากกองปราบปราม ระบุด้วยว่า ร.ต.ท. วัชรินทร์ อดีตเป็นตำรวจชั้นประทวน สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)


และเป็นตำรวจคนสนิทของ พ.ต.อ.นายหนึ่งสังกัด บก.น.7 ล่าสุดมีรายงานว่า ร.ต.ท.วัชรินทร์ได้โทรศัพท์ติดต่อมายัง พ.ต.อ.คนดังกล่าวเพื่อขอเข้ามอบตัวแล้ว ด้านการทำงานของตำรวจนครบาล เมื่อเวลา  13.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. เรียกประชุมฝ่ายสืบสวน ประกอบด้วย พ.ต.อ. กิตติคุณ พูลสมบัติ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ สว.สส.สน.บางยี่ขัน โดยนำตัว จ.ส.ต.อนันต์ เป้านา และ ส.ต.อ.สุพรรณ์ สายสี ผบ.หมู่ ป.สน.บางยี่ขัน ตำรวจดูแลร้านอีสานเถิดเทิง ที่อยู่กับ ร.ต.ท.วัชรินทร์ ในร้านคืนวันเกิดเหตุ มาสอบปากคำหาสาเหตุลึกๆในการก่อเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่า ร.ต.ท.วัชรินทร์สนิทสนมกับ พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค ผกก.สน.บางยี่ขัน โดย ร.ต.ท.วัชรินทร์ และ พ.ต.ท.วีรากรมีปัญหาส่วนตัวถึงขั้น ร.ต.ท.วัชรินทร์ชักปืนขู่ 2 ครั้ง 2 ครา แต่มีเพื่อนตำรวจห้ามปรามไว้ ในขณะที่ พ.ต.ท.วีรากร ผู้ตาย ออกปากทำนองท้าทายว่ากล้ายิงหรือไม่ ทั้ง 2 เหตุการณ์เช่นกัน


พล.ต.ต.กฤษฎากล่าวว่า ได้เรียกพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ

เพื่อประมวลเหตุการณ์ให้ชุดสืบสวนเร่งติดตาม เพราะเป็นเหตุอุกอาจที่เกิดขึ้นหน้าโรงพัก ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก และยังไม่ได้รับการติดต่อขอมอบตัวจาก ร.ต.ท.วัชรินทร์แต่อย่างใด ส่วนข่าวสั่งจับตายนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้า ถ้าหากมีการต่อสู้ ขัดขืนก็ต้องดำเนินการไปตามสถานการณ์ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ แม้ว่าจะเป็นตำรวจ
 

พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค ผกก.สน.บางยี่ขัน เผยถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีนี้ว่า

ได้สอบปากคำพยานไป 7 ปาก และยังต้องสอบเพิ่มอีก 2-3 ราย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศาลจังหวัดตลิ่งชัน อนุมัติหมายจับที่ 1569/2550 ลงวันที่ 16 ต.ค. ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนความขัดแย้งของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 2 คนนั้น ไม่ทราบมาก่อนเพราะตนเพิ่งย้ายมาประมาณ 3 เดือน ทราบเพียงว่าทั้งคู่ ต่างขยันทำงานเท่านั้น ส่วนที่ว่าผู้ต้องหาไปสืบเรื่องยาเสพติด ก็เป็นไปได้ เพราะ ร.ต.ท.วัชรินทร์ ช่วยราชการอยู่ที่ฝ่ายสืบสวน นอกจากนี้ ได้กำชับนางชิดชนก บุญกุศล ภรรยาผู้ต้องหาว่า หากสามีติดต่อกลับมา ให้รีบแจ้งผู้บังคับบัญชา และพูดจาหว่านล้อมให้มามอบตัวเพื่อเห็นแก่ลูกที่ยังเด็กอีก 2 คนด้วย


ต่อมานางชิดชนก บุญกุศล อายุ 34 ปี ผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช

ภรรยา ร.ต.ท.วัชรินทร์ เดินทางมาที่ชั้น 2 ของ สน. เพื่อเก็บเอกสารและของใช้ส่วนตัวสามี โดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล พูดยาก แต่ถ้าผู้บังคับบัญชามีความเป็นผู้นำ จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ตอนตนเป็นสารวัตรใหญ่ ที่นาแก คุมตำรวจ 500-600 คน ทุกคนมีอาวุธหมด สมัยโน้นผู้บังคับบัญชาย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาก็ยิง จ่ายเบี้ยเลี้ยงช้ามันก็ยิง ไปมีเรื่องเป็นหนี้สิน ชู้สาว ผู้บังคับบัญชาเรียกมาไกล่เกลี่ย ไม่พอใจก็ยิง แต่ตนสามารถอบรมสั่งสอนได้หมด เพราะเรามีความเป็นผู้นำ ถ้าผู้บังคับบัญชาคนไหนไม่มีความเป็นผู้นำ จะคุ้มครองผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ ต้องปลูกฝังอบรม และดูแลอย่างดี ส่วนกรณีนี้ ผู้บังคับบัญชามีความบกพร่องหรือไม่ มันพูดลำบาก เพราะคนตายไปทำอะไรกับคนที่ยิงบ้างมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางทีผู้บังคับบัญชาไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัว คงลำบากที่จะไปดูแลตรงนั้นว่าบกพร่องหรือไม่


ขอขอบคุณภาพข่าวจาก

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์