ขากลับเดินมาถึงหน้าบ้านมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน อายุประมาณ 25-30 ปี ขี่รถ จยย. คาวาซากิ ไม่ติดป้ายทะเบียน คนขับใส่เสื้อลายดอก คนซ้อนท้ายใส่เสื้อกั๊กสีส้มคล้ายผู้ขับขี่รถ จยย.รับจ้างตรงเข้ามาจอดประกบ คนซ้อนท้ายพยายามกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 30 บาท มูลค่าประมาณ 360,000 บาท ที่สวมใส่ติดตัวเต็มแรง จนเสียหลักล้มลงศีรษะกระแทกกับกระถางต้นไม้ แต่สร้อยคอไม่ยอมขาดง่ายๆเพราะมีขนาดเส้นใหญ่เกือบเท่านิ้วก้อยผู้ชาย คนร้ายไม่ละความพยายาม ออกแรงกระชากซ้ำก็ไม่ขาดจึงเปลี่ยนมาใช้วิธีถอดออกทางศีรษะแทน ตนตั้งสติได้ก็ปล้ำแย่งพระเครื่องที่ใส่อยู่ในสร้อยคืนมาได้ 2 องค์ คือพระหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง และหลวงปู่แหวนเลี่ยมทอง ส่วนพระหลวงปู่แย้ม วัดด่านสำโรง ติดไปกับสร้อยคอ คนร้ายรีบวิ่งไปขึ้นรถ จยย.ที่เพื่อนจอดติดเครื่องรออยู่บึ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
นายเชื้อกล่าวต่อไปว่า สำหรับสร้อยคอทองคำหนัก 30 บาทนั้น เป็นของสะสมตั้งแต่สมัยที่ยังทำงานอยู่
เมื่อได้เงินมาก็จะซื้อทองเก็บไว้จนกระทั่งเกษียณก็นำไปขายและสั่งทำสร้อยคอเส้นใหม่หนักรวม 30 บาท คล้องคอติดตัวพร้อมพระเครื่องทั้ง 3 องค์มาตลอดไม่เคยถอดออกมาเลย พวกลูกหลานก็เคยเตือนแล้วแต่ไม่คิดว่าคนร้ายจะกล้าลงมือกับคนแก่แบบอุกอาจอย่างนี้
ด้าน พ.ต.อ.เอิบ คงกล่ำ ผกก.สภ.ต.สำโรงเหนือกล่าวภายหลังสอบปากคำผู้เสียหายว่า เท่าที่สอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างรู้กันดีว่านายเชื้อจะใส่สร้อยคอทองคำเส้นโตเกือบเท่าโซ่เดินออกมาซื้อโอเลี้ยงเป็นประจำในช่วงเกิดเหตุ
คาดว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนในพื้นที่หรือเคยมาดูลาดเลาแล้ว จนกระทั่งสบช่องนายเชื้อเดินกลับเข้าบ้านเพียงลำพังจึงชิงลงมือ อยู่ระหว่างตรวจสอบหาพยานเพื่อชี้เบาะแสคนร้ายรายนี้ต่อไป รวมทั้งจะประสานกับบรรดาร้านค้าทองให้ช่วยตรวจสอบลูกค้าที่นำสร้อยคอหนัก 30 บาท มาขายด้วย เพราะไม่ค่อยมีใครซื้อไปใส่มากนัก เชื่อว่าน่าจะได้เบาะแสในเร็วๆนี้