เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 5 ต.ค.
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ถนนสนามบินน้ำ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ชยานนท์ มีสติ รอง ผกก.ศสส.ภ.จ.นนทบุรี พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ สุขสมบุตร อายุ 29 ปี นายสมศักดิ์ ยูนุช อายุ 37 ปี นายอัมพร ขำสุเลิศ อายุ 35 ปี น.ส.กานต์ธิรา พละศูนย์ อายุ 40 ปี พร้อมของกลางเครื่องบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต (เครื่องสกิมเมอร์) 1 เครื่อง, บัตรเครดิตปลอมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2 ใบ, เครื่องเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ (แฮนดิไดรฟ์) 1 เครื่อง มีข้อมูลของบัตรธนาคารต่างๆ 210 รายการ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ภายในเก็บโปรแกรมปลอมแปลงบัตรเครดิต โดยจับกุมทั้งหมดได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมันเชลล์ ปากทางเข้าหมู่บ้านสี่ไชยทอง ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ข้อหาร่วมกันมีและใช้เครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมแปลงหรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลงซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์
จับเด็กปั๊มแสบ รูดข้อมูล จากบัตรเครดิต
ก่อนการจับกุม สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี เป็นจำนวนมาก ว่า
มีผู้แอบปลอมแปลงบัตรเครดิต ขณะนำบัตรเครดิตไปใช้เติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันในเขตพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ต่อมานายเสน่ห์ แฟงสุวรรณ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์บัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ เข้าประสานกับตำรวจสืบสวนจังหวัดนนทบุรี แจ้งให้ทราบว่า ได้ตรวจสอบพบว่ามีพนักงานเก็บเงินของปั๊มน้ำมันเชลล์ ริมถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด เป็นผู้แอบก๊อบปี้ข้อมูลเลขบัตรเครดิตของลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการเติมน้ำมันในปั๊ม มีผู้เสียหายที่ได้ตรวจสอบแล้วจำนวน 24 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,200,000 บาท คงเหลืออีก 300 กว่ารายที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ หลังทราบข้อมูลจนเป็นที่แน่ชัดว่าผู้ที่ก่อเหตุขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้เสียหายเป็นใคร ทางตำรวจได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยทำทีเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มดังกล่าว โดยใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าน้ำมัน จากนั้นเข้าตรวจค้นตัวนายสุรศักดิ์ 1 ในผู้ต้องหา เป็นพนักงานเก็บเงินของปั๊มน้ำมัน พบเครื่องบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งรวม 4 คน
ในชั้นต้นนายสุรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า
ก่อนหน้านี้มีนายสมศักดิ์เพื่อนร่วมแก๊งนำเครื่องบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตมาให้บันทึกข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเติมน้ำมันในปั๊ม โดยวิธีการคือ เมื่อนำบัตรเครดิตของลูกค้ารูดจ่ายค่าน้ำมันแล้ว ก็จะแอบนำบัตรไปรูดเข้าเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง เก็บข้อมูลทั้งหมด ก่อนจะส่งบัตรคืนเจ้าของ โดยตนจะได้รับค่าจ้างรายละ 300 บาท สำหรับเครื่องบันทึกข้อมูลจะเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ประมาณ 20-30 ราย เมื่อข้อมูลเต็มก็จะโทรศัพท์ให้นายสมศักดิ์มารับเครื่องบันทึกส่งต่อให้กับนายอัมพร และ น.ส.กานต์ธิรา 2 สามีภรรยา ก่อนที่ 2 สามีภรรยาจะส่งต่อให้กับนายดำ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อีกทอดหนึ่ง โดยทราบว่า นายดำจะนำข้อมูลทั้งหมดไปปลอมเป็นบัตรเครดิต แล้วนำไปใช้ซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ กระทั่งพลาดท่าถูกตำรวจวางแผนจับกุมได้ยกแก๊ง ภายหลังแถลงข่าวตำรวจนำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้ บก.สศก.ดำเนินคดี เพื่อขยายผลจับกุมนายดำเพื่อนร่วมแก๊งต่อไป ขณะเดียวกัน ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่านายอัมพรเพิ่งถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ในข้อหาลักษณะเดียวกัน ท้องที่ สน.ลาดพร้าว โดยนายอัมพร ใช้หลักทรัพย์จำนวน 3 แสนบาท ประกันตัวออกมาก่อนจะมาถูกตำรวจจับกุมอีกครั้ง
ทางด้านนางสุทัศนี ทับทิม อายุ 43 ปี ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า
หลังตำรวจจับกุมนายสุรศักดิ์พนักงานเก็บเงินของปั๊มน้ำมันเชลล์ ทางเจ้าของปั๊มน้ำมันให้ความร่วมมือตำรวจเป็นอย่างดี ยอมรับว่า ทางปั๊มน้ำมันเองไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานคนไหนทุจริต อีกทั้งเจ้าของปั๊มก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปลอมบัตรเครดิต หลังมีการจับกุมแล้ว ได้ให้ข้อมูลต่างๆกับชมรมบัตรเครดิตแห่งประเทศไทย เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้ บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบปั๊มน้ำมันเชลล์ทุกแห่งที่มีการใช้บัตรเครดิตจ่ายแทนเงินสด พร้อมจัดอบรมให้กับเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมัน เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ต่อไปในอนาคต รวมทั้งให้คอยสอดส่องดูแลพนักงานทุกคนขณะทำงาน ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มมาตรการในการรับสมัครพนักงานเก็บเงินมากขึ้นด้วย