5 พันธมิตรท้า ออกหมายจับ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 5 คน คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้ง น.ส.พ.ผู้จัดการ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มารับทราบข้อกล่าวหากรณีที่นำประชาชนไปปิดถนนประท้วงที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และหน้าห้างสยามพารากอน ขณะที่นายสนธิยังถูกแจ้งจับในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกคดี แต่ทั้งหมดได้ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น
ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว เมื่อบ่ายวันที่ 18 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พร้อมด้วยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิ ลิ้มทองกุลและนายนิติพร ล้อมเหลือ ตัวแทนจากสภาทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯถูกออกหมายเรียก นายสุวัตรกล่าวว่า ขณะนี้มีคดีความที่ค้างอยู่กับตำรวจหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร แจ้งความจับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ และตำรวจได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 20 เม.ย. ถือเป็นหมายเรียกที่อัปยศ เพราะเป็นคดีที่ฟ้องร้องความผิดต่อราชอาณาจักร ซึ่งผู้ที่เสียหายจะต้องเป็นรัฐ แต่ปรากฏว่า ผู้ที่แจ้งความกลับเป็น ร.ต.ฉลาด และตำรวจก็ออกหมายเรียก ยืนยันว่าการชุมนุมทุกครั้ง ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ม.44 ไม่เคยสร้างความเสียหายให้ทรัพย์สิน ต่างกับม็อบคาราวานคนจน ซึ่งชุมนุมที่สวนจตุจักร ทำให้สนามหญ้าเสียหายเป็นเงินถึง 10 ล้านบาท น่าสังเกตว่าคดีเก่าๆที่พันธมิตรฯเคยแจ้งความนายกฯข้อหาหมิ่นพระมหากษัตริย์ กรณีการระเบิดที่สวนลุมฯและเหตุรุนแรงที่สำนักพิมพ์ผู้จัดการ ตำรวจกลับไม่ดำเนินการอะไรเลย
นายสุวัตรกล่าวด้วยว่า ทราบว่าการที่ตำรวจเร่งรัดคดีครั้งนี้ เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีต้องการที่จะเห็นแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คน ถูกจับถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ หลังจากที่ได้ปรึกษากับแกนนำพันธมิตรฯและตัวแทนสภาทนายความแล้ว ตัดสินใจว่า ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายสนธินั้น จะไปให้ปากคำในวันที่ 20 พ.ค. ส่วนคดีที่ ร.ต.ฉลาดแจ้งความ จะไม่ไปตามหมายเรียก เนื่องจากเป็นหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่หากตำรวจจะออกหมายจับ สภาทนายความก็จะเข้ายื่นคำซักค้านต่อศาล โดยจะเปรียบเทียบกับประเด็นที่นายกรัฐมนตรีขับมอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อก รวมทั้งการที่ม็อบคาราวานคนจนใช้รถอีแต๋นวิ่งบนถนนหลวง แล้วมีรถตำรวจนำ ทั้งนายกฯเองก็เคยไปเยี่ยมม็อบด้วย แสดงให้เห็นว่ารู้เห็นเป็นใจ แต่หากสุดท้ายศาลอนุมัติหมายจับ 5 แกนนำเองก็พร้อมที่จะให้จับและสู้คดีต่อไป
ด้านนายสนธิกล่าวว่า คดีที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยืนยันว่าไม่ได้หมิ่น ได้ให้ทนายไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า ขอเลื่อนเวลาไปรับทราบข้อหาแล้ว เนื่องจากต้องเดินทางไปปราศรัยตามจังหวัดต่างๆ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯเคยให้ผู้ต้องหาเลื่อนนัดพนักงานสอบสวนเป็นเดือน แต่ถ้าอยากจะออกหมายจับตนใจแทบขาดก็ให้ออกมาเลย มีปัญญาจะจับกี่ครั้งก็มา จะรอให้จับ อย่ามัวแต่ให้สัมภาษณ์ จะได้รู้ว่าตำรวจชื่ออะไรที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณบ้าง ส่วนตัวก็รู้สึกเห็นใจ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผช.ผบ.ตร ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับนายกฯ และ พล.ต.ต. วินัย ทองสอง ผบก.ป. หลานเขยนายกฯ ตอนนี้ได้ทราบจากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองว่า มีการสั่งให้สายการบินทุกสายรายงาน หากตนจะเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งที่ตนไม่ใช่อาชญากร รู้สึกอายตัวเองบ้างหรือไม่ ผบ.สตม.ที่เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับนายกฯ
นายสนธิกล่าวอีกว่า จุดยืนของพันธมิตรฯยังเหมือนเดิม คือนายกฯต้องลาออก มีนายกฯคนกลางมาปฏิรูปการเมืองแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ส่วนการชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไป พันธมิตรฯจะจับตาดูสถานการณ์ทุกนาที ดังนั้นการชุมนุมอาจเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนก็ได้ หากมีการจับกุม 5 แกนนำพันธมิตรฯ การชุมนุมใหญ่ก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลพันธมิตรฯก็พร้อมที่จะรวบรวมเครือข่ายที่ตั้งไว้ในการชุมนุมครั้งใหม่ขึ้น แต่หากไม่มีอะไรผิดปกติ หลังวันที่ 2 พ.ค.นี้ ไม่ว่าจะมีการเปิดสภาหรือไม่ หรือมีการดันทุรังเปิดสภาให้ได้ก็ตาม พันธมิตรฯจะนัดชุมนุมแน่ ส่วนสถานที่การชุมนุมยังไม่กำหนด การที่เราต่อสู้กับอำนาจที่ฉ้อฉลนั้น ต้องเผชิญกับการข่มขู่ หรือการทำร้ายบ้าง แต่ก็พร้อมอยู่แล้ว
พล.ต.จำลองกล่าวว่า เรื่องการออกหมายเรียกให้ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 20 เม.ย.นั้น แม้ตนไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ก็ทราบว่าไม่ถูกต้อง ทั้งยังถูกระบุไว้ว่าเป็นหมายเรียกตัวผู้ต้องหา อยากเตือนไปยังตำรวจรุ่นน้องว่าอย่าทำแบบนี้ การที่ออกมาร่วมชุมนุมก็พร้อมที่จะยอมติดตะราง ถ้าติดคุกก็จะมีคนที่ออกมาเป็นแกนนำอีกหลายคน ขณะที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยบอกว่าจะถอย แต่พฤติกรรมที่ออกมานั้นยังแสดงความอาฆาตพยาบาทพันธมิตรอยู่ เมื่อเขายังไม่หยุดเราก็จะต้องต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง ส่วนนายพิภพกล่าวว่า ถ้าจะต้องถูกจับก็พร้อมที่จะไปสู้คดีในศาล เพื่อให้โลกรู้วัตถุประสงค์ของการต่อสู้ ตอนนี้ขอยืนยันสิทธิในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ม.44 ซึ่งกำลังถูกละเมิด
ขณะที่นายนิติพร ล้อมเหลือ กล่าวว่า สภาทนาย ความได้ให้การช่วยเหลือด้านคดีกับแกนนำ โดยขณะนี้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาให้คำปรึกษาในเรื่องคดี พร้อมทั้งตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐว่าอยู่ในกรอบของกฎหมายหรือไม่ ทั้งยังจะติดตามตรวจสอบทุกคดีที่พันธมิตรประชาชนเข้าแจ้งความกับตำรวจว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินการไปอย่างไรบ้าง ขอฝากไปยังเจ้า หน้าที่รัฐที่จะใช้อำนาจไม่ถูกต้องว่า ขอให้หยุดมิฉะนั้นสภาทนายความจะดำเนินการกับพวกท่านด้วย
ส่วนนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครราชสีมา ว่าจะไม่ไปพบตำรวจตามหมายเรียกเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติ แต่ถ้ามีการออกหมายจับก็พร้อม ไปมอบตัวและต่อสู้ตามวิถีทางกระบวนการยุติธรรม โดยการมอบตัวจะไปพร้อมกันทั้ง 5 คน และวันที่ไปมอบตัวก็จะมีประชาชนอีกนับแสนคนไปด้วย ขอให้ตำรวจรอต้อนรับด้วย
พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าววันเดียวกันนี้ ถึงกรณีที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเร่งรัดดำเนินคดีกับฝ่ายนายสนธิฝ่ายเดียวว่า เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าไม่มีการไปข่มขู่ เพราะสมัยนี้ไม่มี ใครไปข่มขู่ใครกันได้ มีแต่รัฐบาลถูกข่มขู่มากกว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลมักถูกเช็กบิล ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนกลับไม่โดนอะไรเลยนั้น ก็ไม่ใช่ ถ้าทุกฝ่ายทำผิดกฎหมายก็โดนอย่างเท่าเทียมกันหมด รัฐบาลชุดนี้ไม่มีการเลือกปฏิบัติ เราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าจะมีข้อโต้แย้งว่าเลือกปฏิบัติกรณีไหน ขอให้ยกตัวอย่างมาเป็นกรณีไป เอารายละเอียดมาให้ดู ตนขอท้า อย่าไปพูดรวมจะเกิดความเสียหายได้ เช่น กรณีกลุ่มคาราวานคนจนไปปิดล้อมอาคารหนังสือพิมพ์คมชัด ลึก ตำรวจก็กำลังสอบสวนอยู่ แต่จำนวนผู้ต้องหามีจำนวนมาก
เมื่อถามว่า ทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนายสนธิซ้ำอีกครั้งในวันที่ 18 เม.ย. ให้มาให้ปากคำภายใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นจะออกหมายจับถือว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ให้ไปถามพนักงานสอบสวนเอง เมื่อถามว่า ทนายความนายสนธิขู่ว่าหากมีการออกหมายจับ พื้นที่กองปราบฯอาจไม่เพียงพอรองรับม็อบ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ไม่ทราบ ส่วนที่เอแบคโพลระบุไว้ว่าถ้าการออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ ความวุ่นวายในบ้านเมืองกลับมาเกิดขึ้นอีกเราก็ฟังไว้ เรื่องนี้เป็นกระบวนการที่ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาล ความเป็นธรรมอยู่ที่นั่น ยิ่งประชาชนจับตามองก็ยิ่งที่ต้องเดินตามกติกา หากพนักงานสอบสวนทำผิดก็ถูกฟ้องได้
วันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวว่า การที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามไม่อนุญาตให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เลื่อนการเข้าให้ปากคำตามที่ถูกออกหมายเรียก คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถือเป็นการพิจารณาตามขั้นตอน และตำรวจจะไม่ยอมให้อภิสิทธิ์กับบุคคลใด
ขณะที่ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. กล่าวว่า วันนี้ได้เรียกพนักงานสอบสวนประชุมสรุปให้ออกหมายเรียกนายสนธิ ลิ้มทองกุล มารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 2 ในวันที่ 24 หรือ 25 เม.ย.นี้ หากไม่เดินทางมาพบ พนักงานสอบสวนจะต้องดูเหตุผลที่นายสนธิอ้างว่าไม่มาเพราะเหตุอะไร จากนั้นจะพิจารณาต่อว่าเหตุผลดังกล่าวฟังได้หรือไม่ หากไม่มีเหตุผลเพียงพอจะพิจารณาออกหมายจับทันที