ทำหน้าใสสิว-หนองเฟะบ.เสริมงามโยนสาขามั่ว

ทำหน้าใสสิว-หนองเฟะบ.เสริมงามโยนสาขามั่ว

นศ.สาวโวยสถานความงามยักษ์ใหญ่ เข้าคอร์สหน้าใส สิ่วเห่อเต็มหน้า มีหนองไหล หน้าลอกเหมือนดักแด้ กก.บริษัทแจงบางสาขาไม่ใช้ของที่ได้มาตรฐาน อย. แต่ยินดีรักษาจนกว่าจะหาย

ผลกระทบจากการใช้บริการเสริมความงามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดขึ้นกับ น.ส.พรพรรณ สีดา อายุ 22 ปี บัณฑิตมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เกือบเสียโฉมจากการเข้าคอร์สรักษาสิวฝ้าให้ผิวหน้าขาวใส ด้วยวิธีพอกสมุนไพรสด ทั้งนี้ น.ส.พรพรรณเข้าร้องเรียนกับ "คม ชัด ลึก" ว่า ได้เข้าคอร์สความงามกับสถานความงามยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ ตนเลือกใช้บริการที่สาขาราษฎร์บูรณะ เริ่มใช้บริการครั้งแรกก็มีอาการคันและแสบร้อนทั่วใบหน้า เจ้าของร้านบอกว่าสมุนไพรกำลังขับของเสียจากผิวหน้า สักระยะจะดีขึ้นเอง ผิวหน้าจะขาวใสไร้สิว จึงหลงเชื่อใช้บริการจนครบ 10 ครั้ง ในระยะเวลา 2 เดือน แต่สภาพใบหน้าจากเดิมที่มีสิวเพียง 2-3 เม็ด กลับมีตุ่มแผลเล็กๆ มีน้ำหนองไหล เลือดไหล รวมทั้งใบหน้าลอกเป็นขุยๆ เหมือนดักแด้

น.ส.พรพรรณ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดความผิดปกติกับใบหน้า เจ้าของสถานเสริมความงามบอกว่า ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากเป็นอาการปกติของการใช้สมุนไพร จะมีการขับของเสียจากใบหน้าออกมาก่อน แล้วชักชวนให้ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวตัวอื่นๆ อย่างต่อเนื่องให้หมดหลอดภายใน 1 สับดาห์ แต่ใบหน้ากลับมีสภาพแย่ลงเรื่อยๆ จนต้องหยุดเรียน หยุดฝึกงาน ขณะเดียวกันคนรอบข้างก็คิดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง

น.ส.พรพรรณ กล่าวอีกว่า หลังจากเข้าคอร์สรักษาสิวสถานเสริมความงามสาขาราษฎร์บูรณะแล้ว จึงลองเปลี่ยนไปใช้บริการสถานเสริมความงามเดียวกัน แต่คนละสาขา พร้อมทั้งเล่าวิธีการรักษาให้สาขาใหม่ฟัง จึงทราบข้อมูลว่า สาขาดังกล่าวไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท แต่นำผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นมาแอบอ้าง พร้อมกับชักชวนให้เข้าคอร์สรักษาสิวต่ออีก 6 คอร์ส จึงตัดสินใจเริ่มต้นรักษาใหม่อีก 4 ครั้ง สภาพใบหน้าก็ยังไม่ดีขึ้นจึงหยุดรักษา

"ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา กับการรักษา 2 ครั้ง ทำให้ใบหน้ายิ่งแย่ลงทุกวัน แม้เจ้าของร้านจะอ้างว่าเป็นการขับของเสีย พร้อมกับนำแผ่นผับเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ไม่ต้องตกใจกับอาการหน้าแห้ง ผื่นแดง มีขุยขาวเป็นเกร็ด สักพักใบหน้าจะใสขึ้นและไร้สิวฝ้าอย่างถาวร กระทั่งเห็นข่าวผู้หญิงแช่สบู่เห็ดหลินจือ จนมีอาการแพ้ ผิวหนังลอกเป็นขุย ซึ่งมีอาการไม่แตกต่างกับที่ฉันเป็น จึงหยุดเข้าคอร์สรักษาสิว แล้วไปพบแพทย์โรคผิวหนัง แต่แพทย์ไม่รับรักษา เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการแพ้ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง ล้วนมีลักษณะใกล้เคียงกับเครื่องสำอางที่ อย.แนะให้เลิกใช้ แต่ก็ยังแปลกใจอยู่ว่าผลิตภัณฑ์นี้กลับได้รับการรับรองจาก อย.ทุกชิ้น" น.ส.พรพรรณ กล่าว

หลังจากหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ของสถานเสริมความดังกล่าวแล้ว น.ส.พรพรรณ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังบริษัทผลิตเครื่องสำอาง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2549 แต่ไม่ได้รับการชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังไปร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมกับนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ให้ อย.ตรวจสอบ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ น.ส.พรพรรณ บอกด้วยว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้หญิงทุกคนได้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้บริการสถานเสริมความงาม เกือบ 4 เดือนกับการเข้ารักษา 2 แห่ง โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้นั้นเป็นอะไร และมีประโยชน์จริงหรือไม่ จนหน้าพังยับเยิน

"คม ชัด ลึก" สอบถามไปยังสถานเสริมความงาม สำนักงานใหญ่ กรรมการบริหารบริษัทชี้แจงว่า สถานเสริมความงามของบริษัทมีสาขากว่า 300 แห่งทั่วประเทศ จึงไม่มั่นใจว่าทุกสาขาจะใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ของบริษัท ที่ได้รับการรับรองจาก อย.ทั้งหมดหรือไม่ ขอเวลาในการตรวจสอบร้านสาขาที่เกิดปัญหาก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการเข้าคอร์สรักษาสิวจากร้านสาขาของบริษัทนั้น ได้ชี้แจงให้ผู้เสียหายทราบแล้ว และยินดีรับผิดชอบรักษาให้หายเป็นปกติ

"กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอเวลาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นก่อน เนื่องจากมีคนใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัททั่วประเทศ แต่ไม่เกิดปัญหา เบื้องต้นยินดีรักษาให้ แต่คาดว่าเขาคงใจร้อน เพราะได้รับความทุกข์ แต่ถ้าเขามารักษาเชื่อว่าจะหายเป็นปกติภายใน 2 เดือน" กรรมการบริหารสถานเสริมความงาม กล่าว

ส่วนคำถามที่ว่าจะมีมาตรการให้สถานเสริมความงามสาขาต่างๆ ใช้เครื่องสำอางที่ผลิตจากบริษัทและได้การรับรองจาก อย.อย่างไร กรรมการบริหารบริษัทคนเดิม ยอมรับว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างทั่วถึง แต่ถ้าทราบว่าสาขาใดนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ของบริษัทมาใช้ จะทำจดหมายเตือนไปยังสาขานั้นๆ แต่ถ้ายังไม่ดำเนินการแก้ไขก็จะปิดสัญญาซื้อขายกับสาขานั้น สำหรับสาขาที่เกิดปัญหาได้ทำหนังสือเตือนไปแล้ว โดยเขาก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ

ด้าน ภ.ญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การร้องเรียนเรื่องแพ้เครื่องสำอาง ผู้เสียหายต้องนำผลิตภัณฑ์มาให้ อย.ตรวจสอบว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหามีสารต้องห้ามหรือไม่ ถ้าพบสารต้องห้าม อย.สามารถดำเนินการกับผู้ผลิตเครื่องสำอางนั้นได้ทันที แต่ถ้าไม่พบและเกิดจากอาการแพ้ส่วนบุคคล อย.ก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้

"ต้องนำเครื่องสำอางมาตรวจสอบก่อนว่า มีส่วนผสมของสารต้องห้ามหรือไม่ ส่วนอาการแพ้ที่เกิดขึ้น ต้องให้แพทย์ตรวจสอบว่า มีสาเหตุการแพ้จากอะไร ถ้ามีอาการแพ้ก็ควรจะหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ทันที เพราะเครื่องสำอางที่ดีที่สุดก็มีโอกาสแพ้ได้ โดยเฉพาะอาการแพ้ส่วนบุคคล" รองเลขาฯ อย. ระบุ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์