พม่านองเลือด

รัฐบาลทหารพม่าจับแหลกสมาชิกพรรคฝ่ายค้านบุกเข้าวัดจับพระภิกษุสงฆ์และฝูงชนผู้ก่อม็อบจนต้องถูกปราบปรามขั้นรุนแรง ส่งทหารเดินลาดตระเวนไปตามถนนในเมืองออกโทรโข่งเตือน ประชาชนให้รีบกลับบ้าน มิฉะนั้นมีสิทธิโดนยิงช่างภาพชาวญี่ปุ่นตาย สังเวยจลาจลเลือดแล้ว 1 พระถูกสังหารมรณภาพไปแล้ว 5 รูป แถมยังจวกสื่อต่างชาติบิดเบือนข้อเท็จจริงตัวเลขความสูญเสีย และหาทางปิดช่องทางสื่อสารของโทรศัพท์ มือถือกับอินเทอร์เน็ต ส่วน "นายกฯ สุรยุทธ์" เผยมีเพียงสองมหาอำนาจภูมิภาค "อินเดีย-จีน" ที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในพม่าได้ ขณะที่กลุ่มนักศึกษาหม่องในประเทศไทย บุกสถานทูตพม่า เรียกร้องยุติความรุนแรงแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เร่งคืนประชาธิปไตยให้กับชาวพม่า  ด้านกลุ่มจับกังโวยรัฐบาลทำรุนแรง โหดร้ายกับพระสงฆ์เกินไป ส่วนนักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์ไปเชียงตุง-เมืองลา เพียบ หวั่นไม่ปลอดภัย
 

โดยมีกลุ่มพระภิกษุสงฆ์เป็นแกนนำเดินขบวนนับแสนคนใจกลางกรุงย่างกุ้งจนเกิดการปะทะกันกับตำรวจปราบจลาจลและทหารหลังการใช้คำสั่งเคอร์ฟิวหรือคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานยามวิกาลและการห้ามชุมนุมในที่สาธารณะเกินกว่า 5 คน ฝ่ายเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงได้ใช้แก๊สน้ำตา ยิงขู่ขึ้นฟ้า และใช้กำลังทุบตีฝ่ายต่อต้านรัฐบาล มีพระภิกษุและพลเรือนเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง และบาดเจ็บอีกจำนวนมากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แม้นานาชาติจะออกมาประณามและขอให้ยุติการใช้กำลังรุนแรง
 
รายงานข่าวระบุว่า กำลังเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องกีดขวางเป็นรั้วลวดหนาม มาปิดกั้นเส้นทางตามที่สี่แยกสำคัญใจกลางเมือง และบริเวณโดยรอบเจดีย์ซูเล

ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของการชุมนุมต่อต้านหลังจากที่ปิดเส้นทางไปแล้วสำหรับบริเวณโดยรอบเจดีย์ชเวดากอง แต่กลุ่มผู้ชุมนุม 70,000 คนก็ยังคงฝ่าฝืนคำสั่งห้าม เดินขบวนออกมาท้าทายกำลังเจ้าหน้าที่ซึ่งก็ต้องใช้มาตรการรุนแรงเช่นเดิม คือ ยิงขู่และแก๊สน้ำตา เพื่อสลายการชุมนุม อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาวัยรุ่น และพระภิกษุสงฆ์ 20 รูป ได้แต่ปรบมือและร้องเพลงชาติ ในการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐ นอกจากนั้นในพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงย่างกุ้งมีการปะทะอย่างน้อย 3 จุด แต่ชาวบ้านก็ไปช่วยเหลือพระสงฆ์พาหนีไปที่ปลอดภัย

เพื่อประกาศเตือนให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านเรือนแต่โดยดี หาไม่แล้วอาจจะถูกยิง สร้างความ ไม่พอใจให้กับฝูงชน นอกจากนั้นยังมีเสียงปืนดังขึ้นใกล้กับสถานีรถไฟใจกลางกรุงย่างกุ้ง จากคำบอกเล่าของพยานระบุว่า มีชายคนหนึ่ง ถูกยิง แม้อาวุธปืนที่ยิงมานั้นจะไม่ได้เล็งมายังฝูงชนโดยตรงที่ชุมนุมกันอยู่ใกล้กับเจดีย์ซูเล และยังมีประชาชนถูกรวบตัวไป 100 คน นำขึ้นรถบรรทุกทหารนำตัวออกไปจากพื้นที่ชุมนุม รายงานระบุอีกว่า ช่างภาพต่างชาติซึ่งเชื่อว่าเป็นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งถูกกระสุนปืนของตำรวจที่ยิงเข้าใส่ฝูงชนประมาณ 1,000 คน จนล้มลงและเสียชีวิต

จากคำบอกเล่าของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า

ทหารพม่าได้บุกเข้าไปในวัด 2 แห่ง ในกรุงย่างกุ้งเมื่อตอนเช้ามืดวันเดียวกันนี้ และควบคุมตัวพระสงฆ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 200 รูป ขณะเดียวกันทหารพม่าอีกชุดหนึ่งก็บุกไปวัดอีก 2 แห่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเคยมีการชุมนุมครั้งใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทหารพม่าได้ควบคุมตัวพระสงฆ์ไว้ 500 รูปแล้ว อยู่ที่วัดโมกวงในเมืองยานขิ่น และอีก 150 รูป ที่วัดงเว-คยาร์ยัน ในเมืองอ๊อคคาลาปาใต้ มีเพียงพระสงฆ์ไม่กี่รูปที่อาพาธที่ไม่ถูกคุมตัว ซึ่งก็มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับฝูงชนถึงขั้นยิงแก๊สน้ำตาและยิงขู่ด้วย
 
นอกจากนั้นแล้ว 2 สมาชิกคนสำคัญของพรรคฝ่ายค้าน สันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางออง ซาน ซูจี ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของรัฐ คุมตัวไปจากบ้านพักในช่วงกลางดึกของวันพุธที่ผ่านมา

คือ นายมินท์ เต็ง โฆษกพรรคเอ็นแอลดี และนายฮลา เป สมาชิกอาวุโสของพรรค ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ของพรรคเอ็นแอลดีในกรุงเทพฯ ได้ยืนยันว่ามีการจับกุมตัวไปจริง และกำลังหารายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

สื่อตะวันตกบางแห่งและสื่อต่อต้านรัฐบาลกำลังแพร่กระจายข่าวที่บิดเบือน เพื่อยุยงให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ ซึ่งหนังสือพิมพ์ของทางการพม่าได้รายงานข่าวไว้ในหน้าหลัง โดยระบุว่า ฝูงชนใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินใส่ทหารและเผารถจักรยานยนต์ของตำรวจไป 2 คัน มีผู้ประท้วงเสียชีวิตไป 1 ศพ บาดเจ็บ 11 คน แยกเป็นผู้ประท้วง 3 คนและตำรวจ 8 นาย แต่ผู้นำการชุมนุมประท้วงเผยกับสื่อต่างชาติเป็นภาษาพม่าว่า มีพระถูกสังหารมรณภาพไป 5 รูป ทั้งนี้ เทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบัน ทั้งโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตทำให้สามารถส่งภาพข่าวการประท้วงและปราบปรามไปได้ทั่วโลกภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ต่างกับเหตุการณ์เมื่อปี 2531 ซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้ภาพ
 
ขณะที่กลุ่มนักข่าวไร้พรมแดนระบุว่า ทางรัฐบาลทหารพม่าพยายามจะปิดกั้นช่องทาง การสื่อสารด้วยการขัดขวางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่

อย่างไรก็ดี นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านพม่า กล่าวว่า รัฐบาล พม่าก็ไม่สามารถที่จะสกัดกั้นช่องทางสื่อสารด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้ไว้ได้หมด ส่วนกระบอกเสียงของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าที่อยู่ในต่างประเทศที่สำคัญก็คือ สถานีวิทยุและโทรทัศน์เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่าซึ่งมีฐานอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ ก่อตั้งโดยนักศึกษาพม่าในต่างแดนเมื่อปี 2545 เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์เกี่ยวกับการประท้วงต่อต้านรัฐบาล