ก่อนเกิดเหตุสองผัวเมียอยู่บ้านตามลำพังวีรยุทธ์ลูกชายคนโตออกไปเที่ยวราตรี ส่วนลูกสาวคนเล็กไปทำรายงานและค้างคืนที่บ้านเพื่อน วีรยุทธ์ขับรถกระบะออกไปรับเพื่อนสนิทไปดื่มกินตามประสาชายหนุ่มนักเที่ยวย่านอ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร แต่ผิดกว่าทุกครั้งที่เขาจะขี่รถจักรยานยนต์มารับ ประกอบกับระหว่างการดื่มกินท่าทีของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม สีหน้าเคร่งเครียดและพร่ำบ่นถึงแต่เรื่องที่พ่อแม่ดุด่าว่ากล่าว หรือพ่อแม่ไม่รักบ้างล่ะ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ตี4 วงสุราจึงได้เวลาเลิกรา วีรยุทธ์ขับรถกระบะไปส่งเพื่อนๆ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านและพบเข้ากับเหตุการณ์สยดสยองที่เกิดกับพ่อแม่ของเขา แล้วจึงโทรศัพท์บอกญาติๆ แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
พ.ต.ท.ชัยยุทธ์ถมยา รอง ผกก.หน.สภ.ต.หลักห้า ในฐานะหัวหน้าสถานีพบข้อสงสัยในหลายประเด็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขร็อตไวเลอร์ที่ถูกล่ามเอาไว้ 3 ตัว ไม่แสดงอาการดุร้ายหวงเจ้าของอย่างที่ควรจะเป็น หากมีคนร้ายบุกเข้ามาปล้นทรัพย์จริง ประกอบกับทรัพย์สินยังอยู่ครบ เพราะฉะนั้นคนร้ายมีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ กว่าพ.ต.ท.ชัยยุทธ์ จะได้รับคำตอบก็กินเวลาเนิ่นนานออกไปถึง 8 ชั่วโมง เมื่อพบคราบเขม่าดินปืนที่มือของวีรยุทธ์ และชายหนุ่มไม่สามารถปิดพิรุธได้อยู่ ความจริงจึงเปิดเผยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูเหมือนทำนบแตกของวีรยุทธ์
ลูกชายวัยเบญจเพสนั่นเองที่เป็นคนฆ่าบุพการีด้วยสองมือของเขาเองด้วยเหตุผลเพียงแค่ถูกดุด่าเรื่องเที่ยวเตร่ไม่เอางานเอาการ !
เช้า27 กันยายน วีรยุทธ์ในสภาพหดหู่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องควบคุม สภ.ต.หลักห้า บ่งบอกถึงความเครียด กังวล และสำนึกบาปกับสิ่งที่ทำลงไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ผู้ใดฆ่าบุพการีมีอัตราโทษให้ประหารชีวิตคมชัด ลึก มีโอกาสพูดคุยกับวีรยุทธ์ระหว่างถูกนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ "ผมไม่น่าทำแบบนี้เลยตอนนี้สวนผลไม้ใครจะดูแล รวมถึงน้องอีกสามคน ผมควรจะทำอย่างไรดี ผมไม่น่าโมโหเพียงแค่พ่อแม่ต่อว่า อบรมสั่งสอนให้ตั้งใจทำงาน เลิกเที่ยวเตร่ตอนกลางคืน ผมคิดว่าท่านไม่รักผมแล้ว"
วีรยุทธ์เอ่ยประโยคแรกด้วยน้ำตานองหน้าก่อนจะบอกด้วยว่าท่านทั้งสองดุด่าแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว
และครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 2 ทุ่มครึ่ง 25 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งได้กลายเป็นปฐมบทแห่งความสูญเสียจนยากจะหวนกลับไปแก้ไขได้ ครั้งนี้วีรยุทธ์เกิดความโมโหจนยับยั้งอารมณ์ไม่อยู่เมื่อแยกย้ายเข้าห้องนอนเขาตรงไปที่ลิ้นชักใต้เตียงนอนล้วงเอาปืนลูกซองยาว บรรจุกระสุน 4 นัด แล้วลากออกไปยิงพ่อแม่ถึงเตียงนอน ประวิทย์หัวหน้าครอบครัวกระเสือกกระสนไปหยิบปืน 9 มม.ออกมาหมายป้องกันตัว ทว่าบาดแผลฉกรรจ์เกินกว่าเขาจะทำเช่นนั้นได้ กระสุนในซองหมดลงแล้ววีรยุทธ์หวนกลับไปหยิบปืน11 มม.ออกมายิงพ่อซ้ำจนถึงแก่ความตาย แล้วหันไปยิงแม่ซ้ำตายตามติดไปอีกศพ ก่อนจะจัดฉากให้ดูเหมือนการปล้นทรัพย์ ด้วยการยิงปืนไปรอบๆ บ้าน รื้อค้นข้าวของ ล็อกกลอนจากด้านในแล้วปีนออกนอกหน้าต่าง ใช้ชะแลงงัดประตูเหล็กหน้าบ้านจนพัง แล้วขับรถกระบะของพ่อไปรับเพื่อนไปเที่ยวเตร่ จากนั้นจึงกลับมาแสดงละครชีวิตตอนจบด้วยการแสร้งทำเป็นพบศพพ่อแม่แล้วแจ้งตำรวจ แต่เขาตีบทไม่แตกจึงถูกตำรวจจับพิรุธได้ในที่สุด !?!
ผมโมโหผมใช้อารมณ์ชั่ววูบ ผมไม่อยากติดคุก ผมเลยคิดจัดฉากให้เป็นการปล้นทรัพย์ เพื่อเบี่ยงประเด็นให้ตำรวจไขว้เขว
วีรยุทธ์บอกด้วยว่าระหว่างออกไปดื่มสุราเขาเครียดมากนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้ทำลงไป นึกถึงตอนที่ระเบิดกระสุนนัดแรกใส่พ่อ พ่อที่แม้จะหยิบปืน 9 มม.ออกมาแล้วได้แต่ถือปืนไว้แนบลำตัวที่เต็มไปด้วยเลือด ส่วนเขากลับใช้ปืนยิงพ่อซ้ำแล้วตามไปยิงแม่ซ้ำอีกครั้ง ผมเสียใจครับผมกลับไปถึงบ้านก็กราบขอขมาท่านที่เท้าพ่อแม่ ก่อนจะแจ้งเรื่องให้อาทราบทางโทรศัพท์
ณบัดนี้วีรยุทธ์คงจะเข้าใจได้ดีว่ากว่าจะสำนึกได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว !