เมื่อทราบเรื่องนางเอือนก็ว่ากล่าวนางเว็งว่าเข้าไปตัดใบตองกล้วยโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน และยังทำมาหลายครั้งแล้ว แต่กลับถูกนางเว็งท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดี จนทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ในที่สุดนางเอือนก็เข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยมี พ.ต.ต.ราชศักดิ์ ศรีทองสุข ร้อยเวรเจ้าของคดีในขณะนั้น เป็นผู้รับแจ้ง ในข้อกล่าวหาลักทรัพย์ “ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม” ซึ่งเป็นข้อหาที่สูงกว่าข้อหาลักทรัพย์ในลักษณะทั่วไป
กระทั่งวันที่ 25 กันยายน ตำรวจก็จับกุมนางเว็งมาที่ สภ.อ.จอมพระ แต่พอเจ้าหน้าที่ทุกคนพบเห็นก็รู้สึกสงสาร
เพราะนางเว็งได้นำลูกน้อยทั้งสามคนมาด้วย โดยตัวเองนอนอยู่ภายในห้องขัง ส่วนลูกๆ ก็พากันเล่นอยู่หน้าห้องขัง พร้อมทั้งร้องไห้หิวข้าวหิวนม จนตำรวจต้องซื้อนมกล่องให้กิน ซึ่งลูกของนางเว็งนั้นคนโตเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปี คนกลางเป็นเด็กชายอายุ 6 ขวบ และคนสุดท้องเป็นเด็กชายอายุ 3 ขวบ หลังแม่ถูกจับลูกทั้งสามก็มาอาศัยหลับนอนและเล่นอยู่บนโรงพัก เพราะหากปล่อยไว้ที่บ้านก็ไม่มีคนดูแล
นางเว็ง กล่าวว่า ครอบครัวยากจนมาก ส่วนสามีทิ้งไปนานแล้ว
ที่ผ่านมาได้ทำขนมและข้าวหมากขาย ได้เงินวันละ 30-40 บาท เนื่องจากมีเงินทุนน้อยจึงเข้าไปตัดใบตองของนางเอือนนำมาห่อขนมและข้าวหมากขาย เมื่อถูกแจ้งความดำเนินคดีก็ไม่มีเงินประกันตัว จึงถูกจับกุมดังกล่าว ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 กันยายน ตำรวจได้นำนางเว็งไปขึ้นศาลจังหวัดสุรินทร์เพื่อฟังคำพิพากษา ทำให้นางเว็งและลูกๆ ทั้งสามคนต่างพากันร้องห่มร้องไห้ เนื่องจากเด็กทั้งสามคนไม่ได้ไปด้วย ต่อมาตำรวจก็พาเด็กทั้งสามไปฝากให้ญาติในหมู่บ้านเลี้ยงแทน
พ.ต.ท.เกษมศักดิ์ กล่าวว่า สงสารเด็กๆ จึงให้เงินไป 400 บาท
เพื่อให้พี่ไปชื้อข้าวและนมกินกับน้องๆ ส่วนเรื่องคดีได้พูดคุยกับนางเอือนแล้ว ก็ยินดีไม่ถือโทษและให้อภัยกัน ซึ่งจะพานางเอือนไปชี้แจงต่อศาลเพื่อให้ได้รับคำยืนยันจากเจ้าทุกข์และช่วยให้โทษบรรเทาเบาลง ต่อมาหลังนำตัวผู้ต้องหาไปแถลงต่อศาล ซึ่งศาลได้สั่งปรับ 1,000 บาท แต่นางเว็งไม่มีเงินจ่าย จึงยืมเงินจากเพื่อนบ้านที่ไปด้วยจนครบ กระทั่งสามารถจ่ายค่าปรับได้ หลังจากนั้นตำรวจก็พานางเว็งไปส่งบ้าน พร้อมทั้งซื้ออาหารให้เอาไว้กินกับลูก