ลูกชายวัย 34 อาการประสาทกำเริบ
คลั่งคว้าเหล็ก-ไม้ กระหน่ำตีหัวพ่อบังเกิดเกล้าดับคาบ้านย่านหนองจอก แม่ เผย ทั้งน้ำตาลูกมีอาการประสาทมา 5 ปีต้องกินยาตลอด แล้วมักทะเลาะกับพ่อแม่ประจำ ก่อนก่อเหตุตาขวาง คว้าเหล็กตีพ่อตอนเผลอ หลังก่อเหตุปิตฆาต สติกลับมานั่งร่ำไห้เสียใจก้มกราบแม่
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 25 กันยายน
พ.ต.ท.สมคิด ตันสกุล สารวัตรเวรสน.สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุชายมีอาการทางประสาทคลุ้มคลั่งใช้ท่อนเหล็กตีศีรษะพ่อบังเกิดเกล้าเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 3 หมู่ 8 ซอยเลียบคลองสอง แขวงลำไส้ติ่ง เขตหนองจอก กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว
ตรวจสอบในบ้านพบศพนายประทัย โชติช่วง อายุ 61 อาชีพทำนา นอนหงายจมกองเลือดอยู่กลางบ้านตรวจสอบพบมีบาดแผลบริเวณศรีษะใบหน้าจนเหวอะหวะ และบริเวณกลางหลัง ใกล้ที่เกิดเหตุพบท่อนเหล็กเปื้อนเลือด และไม้ไผ่เปื้อนเลือดตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับผู้ก่อเหตุรายนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นบุตรชายคนโตของผู้ตายเอง
ทราบชื่อคือ นายประทิน โชติช่วง อายุ 34 ปี นั่งอยู่ในอาการตื่นตกใจอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่สน.ลำผักชี
จากการสอบปากคำนางลัดดา โชติช่วง อายุ 56 ปี ภรรยาผู้ตาย และมารดาของผู้ก่อเหตุ ให้การว่า
นายประทิน ลูกชายมีอาการทางจิตประสาทมานานกว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งต้องรับประทานยาอยู่ตลอดเวลา และที่ผ่านมามักจะมีปากเสียงทะเลาะกับตนและนายประทัย ผู้ตายมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ตนได้รับยามาจากโรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อมาให้ลูกรับประทานเพราะกลัวจะมีอาการทางประสาทกำเริบหากไม่รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
นางลัดดา กล่าวอีกว่า
จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 19.30 น.ระหว่างที่ตนพร้อมกับนายประทัย ผู้ตายก็มีเรื่องทะเลาะกับลูก ซึ่งขณนั้นลูกก็มีอาการตาขวาง และลูกก็พูดออกมาว่า"มึงสองคนระวังตัวให้ดี"หลังจากนั้นตนก็ได้เก็บมีด พร้า ของมีคมที่คิดว่าเป็นอันตรายไปซ่อนไว้ กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 ลูกของตนก็รับประทานยาไปแล้วแต่ยังมีอาการตาขวางอยู่ และก็มีอาการโกรธขึ้นแล้วมองไปที่พ่อ
ตอนนั้นพ่อเขากำลังนั่งหันหลังให้ลูก
ดิฉันก็ไม่ได้ระวังตัวไม่คิดว่าลูกจะก่อเหตุอะไร ตอนนั้นลูกก็เดินไปหยิบไม้และท่อนเหล็กที่ตั้งอยู่หน้าบ้านแล้ววิ่งเข้ามาฟาดที่หัวพ่อที่นั่งหันหลังอยู่โดยเอาเหล็กกระหน่ำตีอย่างไม่ยั้งประมาณ 10 กว่าครั้งฉันก็ไม่สามารถเข้าไปห้าม และลูกชายของฉันอีกคนก็เป็นใบ้ก็ไม่รู้เรื่องช่วยอะไรไม่ได้ จนพ่อนอนจมกองเลือด ลูกก็ไม่ได้หนีไปไหนก็นั่งอยู่ในบ้านฉันจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ นางลัดดา กล่าวทั้งน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนนายประทิน ก็อยู่ในอาการร้องไห้เสียใจอยู่ตลอด เพราะสติเริ่มกลับมาแล้วอาการของโรคเริ่มหายเป็นปกติ และพูดเพียงสั้นๆว่ารู้สึกเสียใจพร้อมทั้งก้มลงกราบมารดาของตัวเองทำให้บรรยากาศเศร้าโศกเสียใจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายประทิน แต่จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญาต่อไป