ลุยค้นยี่งอ รวบแกนนำอาร์เคเค-เครือข่าย 8 ราย

ภาพจากแฟ้มข่าว

โวแนวร่วม-หมู่บ้านสีแดงลดระดับ ผู้ว่าฯ นราฯ เร่งเครื่องลุยระแงะ เจาะไอร้อง สุไหงปาดี ชี้ดึงแนวร่วม 500 คนออกจากฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว ปัตตานีเผยหมู่บ้านสีแดงจัดเหลือไม่ถึง 10 แห่ง ผุดกองกำลังป้องกันตัวเอง ลุยค้นยี่งอ รวบแกนนำอาร์เคเคและเครือข่าย 8 ราย ตรวจประวัติพบ 3 รายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องปล่อยตัวกลับ

ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาระบุว่าการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่เริ่มลดลง หลังมีการใช้ยุทธการปิดล้อมตรวจค้นจนจับกุมผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยได้จำนวนมาก

ดึงแนวร่วม 500 คนจากฝ่ายตรงข้าม

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ขณะนี้ถือว่าลดระดับความรุนแรงและสามารถชะลออัตราความถี่ในการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งเป็นผลพวงจากการปิดล้อม ตรวจค้นและปฏิบัติการรุกทางยุทธการมากขึ้น จนสามารถนำไปสู่การทลายแหล่งซุกซ่อนอาวุธปืน วัตถุระเบิดจำนวนมากในพื้นที่ และสำคัญที่สุดคือการทำลายวงจรแนวร่วมและตัดกองกำลังติดอาวุธที่ซุกซ่อนออกจากมวลชนได้เป็นจำนวนมาก

"ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงปูพรมปิดล้อมตรวจค้นในพื้นเป้าหมาย จ.นราธิวาส สามารถดึงเอาผู้หลงผิดให้ความร่วมมือฝ่ายตรงข้ามออกจากชุมชนได้ถึง 500 คน ในจำนวนดังกล่าวมีระดับแกนนำทั้งที่อยู่ในโครงสร้างทางการเมืองและกองกำลังติดอาวุธได้จำนวนไม่น้อย ส่งผลให้ สามารถตัดวงจรความเคลื่อนไหวในพื้นที่ได้อย่างมาก จนความรุนแรงเบาบางลงในระยะนี้" ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่จะไม่หยุดเดินหน้ารุกทางยุทธการ เนื่องจากในพื้นที่ยังมีกลุ่มแนวร่วมและผู้ก่อความไม่สงบบางส่วนหลงเหลือและหาทางเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้รัฐ ใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นเหยื่อ สร้างความกดดันเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในขณะนี้ โดยพื้นที่เป้าหมายที่ยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือ ที่ อ.ระแงะ อ.เจาะไอร้อง อ.สุไหงปาดี เพื่อให้สามารถกลับไปครองฐานมวลชนให้มากและเร็วที่สุด

"จากนี้ไปรัฐจะสร้างแกนนำชาวบ้านรุ่นใหม่ที่สามารถทำหน้าที่ดูแลลูกบ้านป้องกันภัยมืดจากฝ่ายตรงข้ามโดยได้วางแผนและจัดทำโครงสร้างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว" ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวและว่า ทุกสัปดาห์จังหวัดจะประเมินสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ร่วมกับคณะผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่าหมู่บ้านที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวอยู่นั้น ลดลงจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัด


ภาพจากแฟ้มข่าว

หมู่บ้านสีแดงปัตตานีเหลือไม่ถึง 10 แห่ง

ด้านนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวเช่นกันว่า สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดถือว่าลดระดับลง ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการรุกทางยุทธการควบคู่กับงานมวลชน โดยเฉพาะการเปิดยุทธการพิทักษ์ชายแดนใต้ ทำให้สามารถแยกแนวร่วมออกจากมวลชนได้จำนวนมาก ส่งผลให้พื้นที่เปิดกว้างจนฝ่ายปกครองสามารถเข้าทำงานสร้างความเข้าใจและดึงมวลชนกลับมาอยู่กับภาครัฐได้มากขึ้น

"ปัตตานีมี 642 หมู่บ้าน ก่อนหน้ามี 39 หมู่บ้าน ซึ่งมีสถิติการเคลื่อนไหวและก่อเหตุถี่อย่างมาก แต่ขณะนี้รัฐสามารถเข้าไปลดระดับและควบคุมสถานการณ์ได้เป็นที่น่าพอใจ เหลือเพียงไม่ถึง 10 หมู่บ้าน ที่ยังคงมีความพยายามของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบออกข่มขู่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐ" นายภาณุ กล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า กรณีศึกษาประชากรหมู่บ้านหนึ่งมีร้อยคน ในจำนวนนั้นมีคนร้ายแฝงอยู่ 3 คน ส่งผลให้ลูกบ้านอีก 97 คน ไม่กล้าให้ข้อมูลหรือแจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่เพราะกลัวเป็นอันตราย แต่เมื่อกองกำลังสามารถดึงเอาแนวร่วมที่พรางตัวในมวลชนออกมาได้ จึงมีความมั่นใจมากขึ้นและรัฐสามารถเข้าไปสถาปนาความเข้มเเข็งให้ชาวบ้าน เพื่อปิดโอกาสการแทรกซึมกลับมา ส่งผลให้สามารถล่วงรู้ความเคลื่อนไหวคนร้ายได้มากขึ้น

นายภาณุ กล่าวต่อว่า ยังมีบางพื้นที่ต้องจับตาเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะฝ่ายตรงข้ามยังไม่ยอมเสียฐานมวลชน อาทิ อ.ยะรัง จึงจำเป็นต้องเปิดทางให้ฝ่ายความมั่นคงรุกทางยุทธการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเข้าไปทำความเข้าใจและเยียวยาความรู้สึกของประชาชนโดยใช้โครงการอำเภอสัญจรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยนายอำเภอเป็นหัวหน้าชุด ลงไปสัมผัสและรับทราบปัญหาต่างๆ จากราษฎรในพื้นที่โดยตรง

"นอกจากนี้จะสร้างกองกำลังป้องกันตนเองในหมู่บ้าน เพื่อทำหน้าที่ดูแลสมาชิกในพื้นที่ของตัวเอง โดยรัฐจะเข้าไปวางระบบ แต่ให้ดำเนินการกันเอง มีฝ่ายความมั่นคงเป็นพี่เลี้ยง เพื่อสร้างเกราะป้องกันฝ่ายตรงข้ามหาโอกาสแทรกตัวกลับมาทำร้ายประชาชนอีก ที่สำคัญมีการจัดกองกำลังประจำตัวผู้ใหญ่บ้านและกำนัน เพราะแกนนำชุมชนถือเป็นแกนสำคัญในการขับเคลื่อนงานมวลชนที่ดีที่สุด" นายภาณุ กล่าว

แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงพื้นที่ยะลา กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาว่า หลังจากได้เปิดยุทธการในพื้นที่ยะลา 14 ยุทธการ มีการปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบเสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บ 2 คน จับกุม 270 คน ทำให้สถิติการก่อเหตุร้ายลดลงจากเดิมอย่างมาก หากประเมินความถี่ของการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมา พบว่า จ.ยะลาเป็นพื้นที่ซึ่งมีสถิติการก่อเหตุร้ายสูง แม้ว่าสถานการณ์จะลดระดับลงในขณะนี้ แต่ยังมีการพยายามตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากบางพื้นที่เป็นที่มั่นและมีการวางรากฐานมายาวนานจึงต้องใช้เวลาในการเจาะเข้าหามวลชน เช่น อ.รามัน เป็นต้น

"สำหรับภารกิจของยะลายังคงมุ่งเน้นการสลายโครงสร้างกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอีกจำนวนหนึ่ง โดยการส่งกำลังลาดตระเวนรบ ตระเวนหาข่าว ตีฉาบฉวยเพื่อให้เกิดการปะทะทางยุทธวิธี พัฒนาข่าวสารจากประชาชนแล้วเข้าปิดล้อมจับกุม และกดดันให้กลุ่มติดอาวุธมอบตัว อันเป็นผลจากการยึดฐานมวลชน ตัดขาดการส่งเสบียง และความเชื่อมโยงต่างๆ ป้องกันมิให้กลุ่มติดอาวุธกลับมาใช้ฐานมวลชนได้อีก เพราะแนวทางดังกล่าวทำให้กองกำลังฝ่ายตรงข้ามเกิดความท้อแท้ไม่เห็นโอกาสแห่งชัยชนะและสลายตัวไปในที่สุด" แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าว


ภาพจากแฟ้มข่าว

ลุยค้น อ.ยี่งอรวบ 8 แนวร่วมพร้อมอาวุธ

เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 22 กันยายน พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ผกก.สภ.อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย น.อ.มารุต สัสดีพันธ์ ผบ.ฉก.32 พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชต ผบ.กรมทหารพรานที่ 44 และ น.ท.โชคชัย ภูมิวุฒิวงศ์ รอง ผอ.กอ.รมน. อ.ยี่งอ ร่วมสนธิกำลัง 300 นาย เข้าตรวจค้นพื้นที่ 3 ตำบล คือ ละหาร ลุโบะบือซา และยี่งอ จำนวน 24 หมู่บ้าน

ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมกลุ่มแกนนำและสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเคได้ 8 คน แยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือผู้ต้องหาตามหมายจับและมีพฤติกรรมเป็นแกนนำและสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเค รวม 5 คน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นผู้ต้องสงสัย 3 คน ตรวจสอบแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ จึงปล่อยตัวกลับภูมิลำเนาในเวลาต่อมา

ส่วนผู้ต้องหากลุ่มที่ 1 ได้แก่ 1.นายอับดุลเลาะ พีวีซี มีหมายจับคดีอาญา ที่ 25/2550 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต 2.นายนิยอ ปูตะนิง มีหมายจับคดีลอบวางเพลิงเผาตู้โทรศัพท์สาธารณะ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2550 3.นายอิสมะแอ ปะดอ เป็นแกนนำอาร์เคเคระดับผู้ปฏิบัติ 4.นายอาหามะคอรี เจ๊ะปิ เป็นโต๊ะบิหลั่น อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 5.นายรอมือลี แบเลาะ ชาวบ้าน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ส่วนกลุ่มที่ 2 มีด้วยกัน 3 คน คือ นายฮาเรน ตาตอเระ อายุ 36 ปี และพวกอีก 2 คน ที่เจ้าหน้าที่ขอสงวนรายชื่อเพื่อทำการสอบสวนขยายผล

ของกลางที่ตรวจยึดได้มีจำนวน 15 รายการ คือ 1.อาวุธปืนลูกซองยาว 2 กระบอก 2.วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง 3.แท่นชาร์จวิทยุสื่อสาร 1 อัน 4.มีดเดินป่า 2 เล่ม 5.เครื่องเลื่อยยนต์ 8 เครื่อง 6.ปุ๋ยยูเรีย 7.สายไฟฟ้าใช้ต่อพวงวงจรวัตถุระเบิด 8.แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ 1 อัน ใช้จุดชนวนระเบิด 9.กระสุนปืนลูกซอง 5 นัด 10.ลำกล้องติดอาวุธปืน 11.เสื้อลายพรางทหาร และ 12.กระเป๋าลายพรางทหาร 13.อาวุธปืนลูกกรด 1 กระบอก 14.หนังสือเดินทาง 15.โทรศัพท์มือถือ

ขณะเดียวกัน คนร้ายยังคงก่อเหตุขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 11.30 น. คนร้ายยิงนายมะรอวี ยุมะโต๊ะ อายุ 23 ปี และนายตายูดิง มูตอ อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนายมะรอวีขับรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มตระเวนส่งขายให้ลูกค้าตามหมู่บ้าน มีนายตายูดิง ซึ่งเป็นลูกจ้างนั่งโดยสารมาด้วย แต่ขณะแวะโทรศัพท์ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนนสายตันหยงมัส-ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส คนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า ไม่ทราบสีและแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดข้างๆ แล้วคนร้ายที่นั่งเบาะหลังใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่นายมะรอวีและนายตายูดิง 5-6 นัด ก่อนหลบหนีไป


ภาพจากแฟ้มข่าว

มอบเงินเยียวยาเหยื่อถูกยิง

วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ โดย พ.อ.วรพล วรพันธ์ รองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 เป็นผู้มอบเงินแก่ผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 10 ราย เป็นเงิน 3,075,000 บาท ทั้งนี้ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2550 กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ลอบวางเพลิงเผาเสาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสถานที่ราชการหลายจุดใน จ.ปัตตานี ช่วงเวลาหลังเกิดเหตุประมาณ 21.00 น.หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ได้ลาดตระเวนในเขตพื้นที่ ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ห่างจากที่เกิดเหตุ 3-4 กม. พบกลุ่มเด็กและวัยรุ่นจำนวน 10 คน อยู่ริมถนน เจ้าหน้าที่คิดว่ากลุ่มนี้มีพฤติกรรมต้องสงสัย จึงยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ทำให้มีเด็กเสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บหลายราย ต่อมามีการชุมนุมประท้วงปิดถนน และมีการแต่งตั้งตัวแทนมาเจรจา จนได้ข้อสรุปว่าเจ้าหน้าที่ยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ครอบครัวผู้สูญเสีย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์