รุดตรวจสอบวันทูโกหลังแผงไฟหล่นใส่ผู้โดยสาร

จนท.ขนส่งทางอากาศรุดตรวจสอบเครื่องบินวันทูโกกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ หลังเกิดเหตุระทึกแผงไฟหล่นใส่ผู้โดยสารบาดเจ็บขณะกัปตันนำเครื่องลงจอด ด้านผู้บริหารสั่งทำรายงานสรุปเหตุการณ์ทุกขั้นตอน แจงเป็นเรื่องปกติ ต้องใช้แรงกระแทกเพื่อให้เครื่องยึดกับรันเวย์ ไม่เกี่ยวเรื่องคุณภาพนักบิน ยอมรับส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้โดยสาร

ภายหลังเกิดเหตุการณ์ระทึกใจขึ้นอีกครั้งเมื่อเครื่องบินวันทูโก เส้นทางกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ เกิดแผงไฟและแผงบอกสัญลักษณ์ภายในตัวเครื่องบินที่อยู่เหนือศีรษะผู้โดยสารหล่นใส่ผู้โดยสารขณะกัปตันนำเครื่องลงจอด ทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บฟกช้ำเล็กน้อย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้สร้างความตกใจแก่ผู้โดยสารอย่างมาก เนื่องจากเพิ่งเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สนามบินภูเก็ตมาไม่ถึงสัปดาห์

จนท.ตรวจ"วันทูโก"แผงไฟหล่น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 กันยายน นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานบริษัท โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ เจ้าของสายการบินวันทูโก เปิดเผยในเรื่องดังกล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางอากาศได้ตรวจสอบเครื่องบินวันทูโกดังกล่าวซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างกัปตันนำเครื่องบินลงจอด และกระแทกรันเวย์เหมือนที่เคยเกิดกับการบินไทยไม่นานมานี้ แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้โดยสารบ้างเพราะเพิ่งเกิดระเบิดเครื่องบินวันทูโกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

"ได้ให้กัปตันทำรายงานสรุปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาส่งแล้ว ซึ่งเบื้องต้นมีการรายงานให้ทราบว่าขณะนำเครื่องลงจอด จำเป็นต้องใช้แรงกระแทกเพื่อลงรันเวย์ตามปกติ เพื่อให้เครื่องยึดกับรันเวย์ ไม่เกี่ยวกับปัญหาการนำเครื่องบินไม่มีคุณภาพมาบิน และช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางอากาศได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับความผิดปกติของเครื่องบิน จึงอนุญาตให้นำเครื่องบินให้บริการได้ตามปกติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสายการบินวันทูโกในช่วงนี้คงเป็นเพราะดวงผมไม่ดีมากกว่า เพราะยืนยันว่าคุณภาพเครื่องบินนั้นพร้อมใช้งาน มีมาตรฐานสูงทุกลำ" นายอุดม กล่าว


"บรรณวิทย์"เยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วย

ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินวันทูโกประสบอุบัติเหตุที่ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารสำนักงานการท่าอากาศยานภูเก็ต พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมคณะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินวันทูโกประสบอุบัติเหตุที่ท่าอากาศยานภูเก็ตเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลต่างๆ

ทั้งนี้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ได้มอบกระเช้าดอกไม้แก่ผู้ป่วยทุกคน พร้อมกล่าวขอบคุณ Mr.Ashley Scott Harrow อายุ 27 ปี และ Mr.Peter James Hill อายุ 35 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เปิดประตูฉุกเฉินเป็นคนแรก และได้ช่วยเหลือคนอื่นออกจากตัวเครื่องบินให้รอดชีวิต ทั้งที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้เข้าเยี่ยม น.ส.อรศิลป์ แสงบุญเรือง อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นแอร์โฮสเตสประจำเครื่องที่รอดชีวิตในครั้งนี้ด้วย

พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ทุกคนต่างก็พึงพอใจในการดูแลของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และไม่ได้หวาดกลัวต่อการเดินทางแต่อย่างใด โดยบางคนเดินทางไปท่องเที่ยวต่อที่อื่นอีก เช่น นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษคือ Mr.Ashley Scott Harrow หลังจากที่นอนพักอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 วัน ก็เดินทางไปเที่ยวที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีต่อ ทั้งนี้ ในการเดินทางได้ตั้งเป้าหมายที่เกาะสมุยไว้แล้วก่อนหน้านี้ ส่วนนักท่องเที่ยวรายอื่นกล่าวว่าพร้อมที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ตอีก


เผยให้รอข้อมูลกล่องดำ

พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวต่อว่า ต้องขอชมเชยการทำงานของทุกฝ่าย ที่ปฏิบัติการได้อย่างดีเยี่ยมทันต่อเหตุการณ์ แต่ในเรื่องของสาเหตุนั้นยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอข้อมูลจากกล่องดำ ทราบเบื้องต้นเพียงว่าเครื่องลงแต่ยังไม่ได้แตะพื้น ส่วนข้อขัดข้องที่ได้รับรายงานจากทั้งทางจังหวัด การท่าฯ และตำรวจ นั้นจะนำไปหารือในคณะกรรมาธิการเพื่อเสนอต่อรัฐบาล และหาแนวทางการแก้ไขใช้เป็นต้นแบบของสนามบินอื่นๆ ต่อไป

ส่วนกล้องวงจรปิดที่จะใช้ในการบันทึกภาพการขึ้นลงของเครื่องบินนั้น ที่สนามบินจังหวัดภูเก็ตมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว แต่เกิดขัดข้องใช้การไม่ได้ ขณะที่สนามบินอื่นๆ ขณะนี้ได้พุดคุยกันแล้ว และจะให้ทุกสนามบินในประเทศไทยติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อจะใช้ประโยชน์ในหลายด้านไม่ใช่เฉพาะในตอนเครื่องบินตกเท่านั้น และกล้องที่ติดตั้งจะต้องเป็นกล้องที่มีศักยภาพสูงด้วย

จ่าย 1.5 แสนดอลล์แก่ผู้เสียชีวิต

ด้านนายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวน 89 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเข้ารักษาที่โรงพยาบาล 41 คน ขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ 24 คน แยกเป็นโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจำนวน 17 คน โรงพยาบาลสิริโรจน์ 6 คน และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 1 คน

ส่วนเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตได้ตกลงจ่ายให้รายละ 1.5 แสนดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งจังหวัดได้สั่งการให้สำนักงานกรมการประกันภัยเข้าไปดูแลและช่วยเหลือให้คำปรึกษาในส่วนของผู้เสียชีวิตที่เป็นคนไทย โดยเฉพาะทางด้านเอกสารการรับผลประโยชน์ที่มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บาดเจ็บ ขณะนี้เรื่องการรักษาพยาบาลทางสายการบินรับผิดชอบทั้งหมด และจะมอบเงินค่าทำขวัญเบื้องต้นขณะรักษาตัวจ่ายก่อน 5 หมื่นบาท


 

เผยนักบินพูดแค่เมเดย์ เมเดย์

ขณะที่นาวาอากาศตรีพรชัย เอื้ออารีย์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวชี้แจงถึงเรื่องการรับมืออุบัติเหตุฉุกเฉินว่า ท่าอากาศยานภูเก็ตมีแผนฉุกเฉินอยู่แล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปถึงที่เกิดเหตุและทำการฉีดเพลิงเพื่อควบคุมเพลิงได้ภายในไม่เกิน 3 นาที ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้

นาวาอากาศตรีพรชัย กล่าวต่อว่า ส่วนข้อมูลการสื่อสารระหว่างนักบินกับศูนย์วิทยุการบินนั้น ยังไม่มีการเปิดเผย แต่จากการพูดคุยภายในทราบว่าได้มีการแจ้งให้นักบินทราบถึงสภาพอากาศว่าไม่เป็นอุปสรรคในการบิน แม้ว่าจะมีฝนตกและลมกรรโชกเป็นระยะๆ ซึ่งเข้าใจได้ว่าขณะนั้นเครื่องยังไม่ได้แตะพื้น โดยจะเอียงตัวตั้งแต่เริ่มเข้ามาและไปชนแนวดิน โดยล้อกางแล้ว ซึ่งขณะนั้นได้ยินเพียงคำพูดของนักบินว่า เมเดย์ เมเดย์ (ขอความช่วยเหลือ) หลังจากนั้นก็เงียบไปเลย

เตรียมทำบุญสนามบินภูเก็ต

นาวาอากาศตรีพรชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดที่จับภาพขณะเครื่องบินประสบเหตุได้ส่งให้คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคงต้องรอการตรวจพิสูจน์ เพราะภาพที่จับได้ค่อนข้างเบลอ เนื่องจากสภาพฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง และมีละอองน้ำ ดังนั้น ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว

นาวาอากาศตรีพรชัย กล่าวถึงการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตตามพิธีกรรมของแต่ละศาสนาว่า ได้รับการประสานงานจากทางจังหวัดแล้ว เดิมมีแผนว่าจะทำพร้อมไปกับการทำบุญประจำปีของทางท่าอากาศยานในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 19 ปี แต่ขณะนี้ทราบว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของวันเวลา เนื่องจากจังหวัดมองว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจจะล่าช้า ซึ่งในส่วนของการท่าฯ ไม่มีปัญหา เพราะเราต้องมีการดำเนินการอยู่แล้ว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์