คดีอุ้มแขกซิกข์จัดชุดสืบสวนตรวจสอบประวัติทั้งครอบครัว ยังไม่ฟันธงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง รอผลประชุมสรุปเหตุการณ์-ผลคราบเลือด ตรวจภาพวงจรปิดไม่พบภาพคนร้ายตามประกบ พร้อมจำลองเหตุการณ์ เผย พบพิรุธหลายอย่าง คาดอาจจัดฉากเรียกร้องความสนใจให้ตำรวจคุ้มกัน
(22กย.) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 กล่าวถึงความคืบหน้าการหายตัวไปของนายสุทีป สัจจเทพ อายุ 38 ปี ชาวไทยเชื้อสายซิกข์ เจ้าของร้านขายผ้าภายในห้างสรรพสินค้าดิโอลด์สยามว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง กำลังรอให้คนร้ายติดต่อกลับมา แต่ยังไม่มีการติดต่อกลับมาหาทางญาติของนายสุทีป หรือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่า คนร้ายต้องการเรียกร้องอะไร
"อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดสืบสวนตรวจสอบประวัติ ความขัดแย้งทั้งของนายสุทีป และครอบครัวแล้ว แต่คาดว่า
สาเหตุอาจจะมาจากปัญหาของนายอาจิต พ่อนายสุทีป มากกว่า เนื่องจากคนร้ายได้ทิ้งจดหมาย ถึงนายอาจิตพ่อของนายสุทีป" พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าว
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า ญาติของนายสุทีป ไม่ได้แจ้งความไว้นั้น ความจริงแล้ว หลังเกิดเหตุ ทางพ่อและภรรยาของนายสุทีป ได้แจ้งความไว้แล้วที่สน.เพชรเกษม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะสอบถามนายอาจิต พ่อของนายสุทีป
แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดหรือให้ข้อมูลอะไรกับทางตำรวจมากนัก จึงทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ส่วนประเด็นที่ว่า นายสุทีป
อาจจะจัดฉากอุ้มตัวเอง เนื่องจากมีพยาน เห็นว่าผู้ชายที่ออกจากรถมีหน้าตารูปร่างคล้ายนายสุทีป และก่อนออกจากรถ ยังได้ถอดผ้าโพกหัวออกนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่า จะเป็นการจัดฉาก เนื่องจากต้องรอการสืบสวนในทางลับว่า มีสาเหตุอะไรที่นายสุทีป จะต้องจัดฉากอุ้มตัวเองขึ้น หรือมีเรื่องขัดแย้งในครอบครัวอะไรหรือไม่
"ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าฟันธงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ต้องรอผลการประชุมเจ้าหน้าที่ชุดทำงานจากกองปราบปราม ศูนย์สืบสวน บช.น. กก.สส.บก.น.9 และผลตรวจคราบเลือดเพื่อนำมาประมวลเหตุการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง เพื่อช่วยตรวจสอบหาข่าว ถึงปัญหาความขัดแย้งของคนในพื้นที่ห้างดิโอลด์สยามและย่านพาหุรัด เพื่อนำมาประกอบในการช่วยสืบตามตัวนายสุทีป" พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังรอผลการตรวจสอบคราบเลือดบริเวณตัวถังรถด้านขวาของนายสุทีป ว่าจะเป็นเลือดของใคร แต่จากการตรวจสอบของผู้สันทัดกรณีไม่ใช่เลือดของมนุษย์อย่างแน่นอน ทำให้ต้องรอผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ของทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานให้แน่ชัดว่า จะเป็นเลือดของมนุษย์หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า วานนี้ (21 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้างดิโอลด์สยามทั้งหมด
ที่บันทึกไว้ในห้องหัวหน้ารปภ.ที่ควบคุมกล้องวงจรปิดทึกตัวในห้างเอาไว้ โดยพบว่าช่วงเวลาระหว่างที่นายสุทีปออกจากร้านตัวเอง ใช้ลิฟท์ลงมาที่ลานจอดรถ ก็ไม่พบว่ามีกลุ่มคนที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายตามประกบมาแต่อย่างใด จนกระทั่งนายสุทีป ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวออกจากห้างดิโอลด์สยามไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่พบรถของคนร้ายจำนวน 3 คัน ที่ขับตามมาประกบ ตามที่นายสุทีปได้โทรศัพท์ไปบอกภรรยาของตัวเองก่อนจะหายตัวไปแต่อย่างใด ซึ่งตามปกติแล้วหากจะมีการลักพาตัวนั้น คนร้ายมักจะตามประกบติดเหยื่อจอดรถรอหรือขับตามในระยะประชิดเพื่อไม่ให้คลาดสายตา แต่ครั้งนี้ถือว่า ผิดปกติ
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว ได้จำลองเหตุการณ์ช่วงการขับรถของนายสุทีป ตั้งแต่บริเวณห้างดิโอลด์สยาม ไปจนถึงจุดเกิดเหตุที่พบรถของนายสุทีป ในซอยเพชรเกษม 55 เพื่อตรวจสอบว่าจะใช้เวลาการขับรถเท่าใด
และตรงกับเวลาที่นายสุทีปใช้ในการขับรถหลบหนีคนร้ายไปหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความเร็วปกติในการขับรถและ ไม่มีรถขับตามประกบแต่อย่างใด แต่ปรากฏว่าระยะเวลาที่ตำรวจใช้จำลองภาพเหตุการณ์ กับช่วงระยะเวลาที่นายสุทีปใช้ขับรถไปนั้นใกล้เคียงกันอย่างมาก ซึ่งความเป็นจริงแล้ว จากการที่นายสุทีปโทรศัพท์ไปบอกภรรยาว่า ถูกรถคนร้ายขับตามประกบถึง 3 คัน เป็นด้านข้าง 2 คัน และด้านหน้าอีก 1 คันนั้น นายสุทีปก็น่าจะใช้เวลาในการขับรถมากกว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ขับไม่น่าจะใช้เวลาใกล้เคียงกันขนาดนี้
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่า รถยนต์เล็กซัส ของนายสุทีปนั้น หากไม่ได้ใช้ความเร็วตามที่กำหนด
ระบบเซ็นทรัลล็อกของรถก็จะทำงานไม่สามารถเปิดกระตูได้จากภายนอก หากคนในรถไม่เปิดประตูออกมาเอง คนร้ายต้องทุบกระจกรถหรือ งัดประตูเข้าไปกระชากตัวนายสุทีปออกมาจากรถ นอกเสียจากว่า นายสุทีปจะรู้จักกับคนร้ายมาก่อน จึงเปิดประตูรถออกมาพบคนร้ายก่อนจะถูกอุ้มหายตัวไป
ส่วนประเด็นการหายตัวไปของนายสุทีปในครั้งนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการมุ่งประเด็นไปที่การจัดฉากเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น
โดยสาเหตุอาจจะมาจากที่ นายอาจิต พ่อของนายสุทีป แอบไปเปิดบริษัทมาประมูลการเช่าซื้อพื้นที่ในย่านพาหุรัด แข่งกับสมาคมผู้ค้าพาหุรัด โดยมีจำนวนเงินสูงถึง 600-700 ล้านบาท และมีการติดประกาศไล่ที่ผู้ค้าในย่านพาหุรัดทั้งหมดออกไป จนอาจจะทำให้มีผู้ค้าบางรายไม่พอใจเข้ามาปองร้ายนายอาจิต จึงมีการจัดฉากการอุ้มตัวนายสุทีปขึ้น เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสนใจและเข้ามาให้ความคุ้มครองนายอาจิต และคนในตระกูล
ส่วนอีกประเด็นหนึ่งก็อาจจะมาจากที่นายอาจิต ได้ไปเปิดบริษัทสยามอรุณ จำกัด ที่อยู่ในย่านพาหุรัด แต่นายอาจิต กลับไม่ยอมให้นายสุทีปเข้าไปบริหารเต็มตัว แต่ให้ญาติซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายสุทีป เข้าไปมีอำนาจบริหารมากกว่า จึงอาจจะทำให้นายสุทีปเกิดความไม่พอใจพ่อของตัวเอง จึงจัดฉากอุ้มขึ้น