ตามล่า5ศิษย์เก่า แก๊งโหดรับน้อง

กรณีนายนิพนธ์ หรืออั้ม โตสิงห์ อายุ 16 ปี นักเรียนไทยวิจิตรศิลป โดนรุ่นพี่พาไปรับน้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยวิธีรุนแรง


จนทำให้บาดเจ็บสาหัสขั้นผ่าตัดสมอง นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ รพ.ชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ส่วนเพื่อนอีกหลายคนที่ไปด้วยเจ็บสะบักสะบอมกันเป็นแถว ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 ก.ย. พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พนักงานสอบสวน (สบ 3) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เปิดเผยว่า ในขั้นตอนต่อไปจะเรียกตัวนักเรียนรุ่นพี่ปี 2 และปี 3 เฉพาะที่ทราบชื่อ ซึ่งขณะนี้มี 7 คน มาสอบสวน พร้อมสอบถามรายชื่อรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วด้วยว่ามีใครบ้าง เนื่องจากการสอบสวนผู้เสียหายบางคนทราบว่ามีรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วเป็นกลุ่มที่ลงมือทำร้ายน้องอย่างรุนแรง โดยหลังสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องเสร็จ ก็จะรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ต. ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินการต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อคืนวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา

ได้มีนางถาวร ชมบุญ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/3 หมู่ 7 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ปกครองของนายอิศรา หรือมัด ชมบุญ อายุ 17 ปี 1 ในกลุ่มนักเรียนรุ่นน้องที่บาดเจ็บจากการไปรับน้องครั้งนี้ ได้พาเหยื่อนักเรียนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม นายอิศรายืนยันว่า ถูกรุ่นพี่รับน้องอย่างรุนแรงคล้ายกับเพื่อนคนอื่น แต่จำไม่ได้ว่ารุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วมีใครบ้าง จะเรียกกันแต่ชื่อเล่น โดยบรรดาพี่บังคับให้ดื่มเหล้าขาวผสมแผ่นยาดองใส่ไว้ในหม้อแกง นอกจากนี้ ยังถูกกระทำอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลพุพองเช่นเดียวกัน สำหรับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วนั้นมีประมาณ 10 คน แต่มีแค่ 5 คนที่ใช้วิธีรุนแรง เพราะอยู่ในอาการมึนเมา มีส่วนทำให้รุ่นพี่ปี 2 และปี 3 ที่เห็นเหตุการณ์ไม่กล้าเข้าห้าม จนเกิดเรื่องบานปลายขึ้น
 


ที่ รพ.ชลประทาน ห้องไอซียู ตึก 80 ปี ที่นายนิพนธ์ หรืออั้ม โตสิงห์ เหยื่อรับน้องของรุ่นพี่ พักรักษาตัวอยู่ มีญาติๆเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด


โดยนางจินดา จันทกุลละ ผู้เป็นอาได้เปิดเผยว่า มาเฝ้าหลานชายตั้งแต่ เช้า ยังไม่เห็นว่าโรงเรียนหรือกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุจะมาเยี่ยมหรือออกมาแสดงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นเลย ครอบครัวต้องระดมหยิบยืมเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้หลานเพียงลำพัง ทั้งๆที่อาการของหลานชายยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว ต้องผ่าตัดอีก และในอนาคตอาจจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อหาเงินมารักษาจำนวนไม่น้อย หากอาการของหลานยังไม่ดีขึ้น 


นพ.วสุวัฒน์ สุขี ศัลยแพทย์ทางสมอง เจ้าของไข้ เผยถึงอาการของนายนิพนธ์ว่า
 
ยังคงที่อยู่ หากคนไข้มีสัญญาณชีพจรและความแปรปรวนของเลือดคงที่ ก็จะเอกซเรย์สมองซ้ำเพื่อประเมินว่าต้องผ่าตัดใหม่หรือไม่ เพราะการผ่าตัดครั้งก่อนนั้น ทำได้เพียงแค่ให้เนื้อสมองที่บวมขยายตัวได้เท่านั้น กลุ่มแพทย์จึงลงความเห็นว่า ควรผ่าตัดอีกครั้งด้วยการผ่าตัดเนื้อสมองในส่วนที่เสียหายทางด้านขวาทั้งซีกออกไป เพื่อให้เหลือเนื้อที่สมองส่วนดีสามารถขยายตัวออกมาแทนได้ แต่หลังผ่าตัดแล้วคนไข้คงไม่สามารถหายขาด หรือกลับมาเป็นปกติได้ เท่าที่ประเมินดูแล้ว อย่างดีที่สุดคนไข้อาจเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว สามารถเดินได้โดยใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ และต้องอาศัยการกายภาพ บำบัดควบคู่ไปด้วย  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงอีกเช่นกันว่า คนไข้อาจเป็นเจ้าชายนิทรา


ขอขอบคุณภาพข่าวจาก

หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์