นรต.ฝึกงานตะลุมบอน พังผับเสียหายนับแสน

นักเรียนนายร้อยฝึกหัด ทำลายข้าวของในผับเสียหาย คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท


เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 20 ก.ย. นางสุดใจ สุขโชค อายุ 56 ปี เจ้าของผับ “ลาลิก้า” ถนนเทียมร่วมมิตร แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. พร้อมนางจินตนา ดินราบรัมย์ อายุ 34 ปี รองผู้จัดการร้าน เข้าพบ ร.ต.ท.วิญญู สัจจา พงส. (สบ 1) สน.ห้วยขวาง กล่าวหา นรต.สุทธิรักษ์ ลัคนาลิขิต นักเรียนนายร้อยฝึกหัด สน.ห้วยขวาง นรต.รุ่น 61 ว่า ร่วมกับพวกรุมทำร้าย รปภ. ของร้านและยังทำลายข้าวของเสียหาย คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท


ทั้ง 2 ร่วมกันให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ นรต. สุทธิรักษ์พร้อมเพื่อนชายหญิงกลุ่มใหญ่ประมาณ 30 คน ไปจัดงานวันเกิดในร้าน

หลังจากดื่มกินกันจนได้ที่ก็เกิดมีเรื่องกันเองในกลุ่ม พนักงานรักษาความปลอดภัยของร้าน จึงเข้าไประงับเหตุ ทำให้เรื่องราวสงบลง ต่อมาระหว่างที่กลุ่มดังกล่าวออกมายืนบริเวณหน้าร้าน กลับมีปัญหาโวยวายกันเกิดขึ้นอีก และมีหญิงสาวคนหนึ่ง ในกลุ่มกระโดดถีบรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่มาด้วยกันจนล้มคว่ำ รปภ.ของร้านก็เข้าไประงับเหตุอีกครั้ง ระหว่างนั้น นรต.สุทธิรักษ์ที่นั่งอยู่บนรถกำลังจะขับออกไป เปิดหน้าต่างตะโกนถามว่า “มึงเป็นใคร” รปภ.ตอบกลับไปว่า “เขาจ้างมาดูแลร้าน” ขณะที่ นรต.สุทธิรักษ์ ตอบโต้สวนกลับมาว่า “กูเป็นตำรวจ สน.ห้วยขวาง พ่อกูชื่อเฮียตือ รู้จักป่าว อากู เสธ.ไอซ์” เมื่อเห็นท่าไม่ดี นางจินตนาที่อยู่ในเหตุการณ์จึงเรียก รปภ.กลับเข้าไปในร้าน แต่ นรต.สุทธิรักษ์ยังพาพี่ชายและเพื่อนชายหญิงอีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน บุกเข้าไปรุมทำร้าย รปภ.คนดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อเล่นเพียงนายอ้วน ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุประมาณ 40 ปี พนักงานเสิร์ฟ ในร้านต้องเข้าห้าม แยกตัวนายอ้วนเข้าไปหลบหลังร้าน ส่วนกลุ่มของ นรต.สุทธิรักษ์ ออกมาปักหลักอยู่หน้าร้าน ส่งเสียงโวยวายเรียกหาเจ้าของร้านและทำท่าจะบุกเข้าไปเล่นงานนายอ้วนอีก


จากนั้นกลุ่มของ นรต.สุทธิรักษ์ ก็เริ่มทำลายข้าวของ


ขว้างขวด โยนลังโซดา เข้าไปที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน เก้าอี้หน้าร้านถูกเหวี่ยงเข้าไปที่บาร์เหล้า ทำให้ขวดสุราหลายสิบขวดตกแตกกระจาย โต๊ะเก้าอี้ในร้านก็ถูกทุบทำลายพังยับเยิน ระหว่างนั้น นรต.สุทธิรักษ์ ยังตะโกนอีกว่า “ไม่รู้ซะแล้วว่าใครใหญ่ พ่อกูเฮียตือ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะให้อากู เสธ.ไอซ์ เอาทหารมาปิดร้านมึง” หลังจากอาละวาดพังข้าวของอยู่พักใหญ่ ตำรวจห้วยขวางไประงับเหตุ กลุ่มดังกล่าวจึงแยกย้ายจากไป


นางจินตนาให้การด้วยว่า หลังเกิดเหตุตนและเจ้าของร้านมาแจ้งความ แต่ตำรวจพยายามบ่ายเบี่ยง

ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นบิดา นรต.สุทธิรักษ์ ชื่อเฮียตือมาที่โรงพัก โวยวายว่า ลูกชายเขาไม่ผิด และยังกล่าวหาว่า รปภ.ที่ร้านอุ้มลูกชายเขาไปรุมซ้อม ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านเกิดเหตุพบว่า สภาพภายในร้านพังยับ เคาน์เตอร์เก็บเงิน ตู้โชว์ขวดเครื่องดื่ม โต๊ะเก้าอี้ พังไม่มีชิ้นดี ระหว่างนั้นทางร้านได้นำเทปทีวีวงจรปิดมาเปิดให้ดู เห็นภาพเหตุการณ์ขณะที่กลุ่มของ นรต.สุทธิรักษ์ กำลังทุ่มเก้าอี้ใส่เคาน์เตอร์ ทุบทำลายทรัพย์สินและพยายามเข้าทำร้าย รปภ.อย่างละเอียดทุกขั้นตอน
 

ด้าน พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า 

ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว  ทราบว่า  หลังออกเวรปฏิบัติหน้าที่ พี่ชายแท้ๆของ  นรต.สุทธิรักษ์  มารับออกไปรับประทานอาหาร  แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าไปร้านใด หากตรวจสอบจากเทปทีวีวงจรปิดพบว่า  นรต.สุทธิรักษ์ ทำความผิดจริงจะสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย  โดยไม่มีข้อยกเว้น  พร้อมหักคะแนนความประพฤติในส่วนที่กำลังฝึกงาน  พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาโรงเรียนนายร้อยตำรวจทราบ
 

ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผบช.รร.นรต.เดินทางไปที่ สน.ห้วยขวาง

จากนั้นเรียก นรต. สุทธิรักษ์ เข้าพบที่ห้อง พ.ต.อ.ทรงพล หลังเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที พล.ต.ท.พงศพัศ นำตัว นรต.สุทธิรักษ์ ออกมาพบผู้สื่อข่าวพร้อมเปิดเผยว่า รักษาการ ผบ.ตร.และ ผบช.น.ทราบเรื่องนี้แล้ว  จึงให้มาสอบสวนข้อเท็จจริง  โดยในเรื่องของคดีความทำร้ายร่างกายและเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกายให้พนักงานสอบสวนทำคดีไป  ตอนนี้ยังถือว่า นรต.สุทธิรักษ์ คงสภาพเป็น นรต.อยู่ แต่จะให้กลับไปโรงเรียนนายร้อยตำรวจชั่วคราว  เพื่อให้กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง  เนื่องจากในชั้นนี้ยังไม่ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม  ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย สำหรับเรื่องการลงโทษมีอยู่หลายอย่างตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน หรือตัดแต้มสูงสุด 40 แต้ม ผู้สื่อข่าวถามว่า นรต.สุทธิรักษ์ เหลือเวลาฝึกงานอีกเพียง 7-8 วัน หากถูกเรียกตัวกลับไปจะมีปัญหาหรือไม่ พล.ต.ท.พงศพัศตอบว่า ไม่มีผลกระทบกับการฝึกงาน เพราะฝึกมาเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว 


ด้าน นรต.สุทธิรักษ์กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับพี่ชายและเพื่อนๆไปเที่ยวที่ร้านดังกล่าว


ต่อมาโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆเกิดปัญหาเรื่องแย่งจีบผู้หญิง  ตนจึงเลี่ยงออกมาเอารถขับไปรับพี่ชาย  เมื่อไปถึงบริเวณหน้าร้านพบว่าพี่ชายถูกกลุ่มวัยรุ่นชายที่มีปัญหากันในร้านรุมทำร้าย  จึงลงไปช่วย  กระทั่งถูกตีด้วยไม้หน้าสามจนล้มลง  เมื่อลุกขึ้นมาได้จึงหยิบฉวยของที่อยู่ใกล้มือขว้างเหวี่ยงใส่ กลุ่มที่ทำร้ายตน กระทั่งเผ่นหนีไป ไม่ได้มีเรื่องกับ รปภ. อย่างที่ถูกกล่าวหา ตอนนี้ติดต่อหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุให้โต๊ะข้างๆมีเรื่องได้แล้ว จะเชิญตัวมาเป็นพยาน จากนั้น พ.ต.อ.ทรงพลได้แยกตัว นรต.สุทธิรักษ์ออกไปจากกลุ่มผู้สื่อข่าว
 

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า

เป็นเรื่องของบุคคลไม่เกี่ยวกับสถาบันหรือการฝึกอบรม คนเราต้องมีบ้าง นักเรียนนายร้อยมีรุ่นละ 300 คน จะให้ทุกคนเหมือนกันทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องปรับปรุงโรงเรียนนายร้อยตำรวจหรือไม่ รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ต้อง เด็กจะไปรู้เรื่องอะไรมากมาย ผู้บังคับบัญชาอบรมสั่งสอนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา บางทีตอนพูดหลับบ้าง เรื่องธรรมดา ถ้ามีก็แก้ไขอบรมไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลา 05.00 น. สถานบันเทิงต้องปิดบริการ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า

นักข่าวต้องปรับเปลี่ยนวิธีนะ อย่างเรื่องเครื่องบินตกที่ภูเก็ต นักข่าวไทยเสนอข่าว คนทำความผิดประมาทเลินเล่อ แต่นักข่าวต่างประเทศเสนอข่าวว่าใครไปช่วยคนเจ็บคนตาย จะเอาคนที่ไปช่วยมายกย่องส่งเสริมสนับสนุนให้คนเอาเป็นตัวอย่าง ผิดกับพวกคุณที่เอาความไม่ดีมาเป็นตัวอย่าง ไปคิดซะใหม่ เปลี่ยนแนวคิดในการเสนอข่าวและการตั้งคำถาม 


ขณะที่ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. กล่าวว่า

ได้รับรายงานจาก ผกก.สน.ห้วยขวาง ว่าเกิดเหตุทำให้ ทรัพย์สินในร้านลาลีก้าในพื้นที่ห้วยขวางเกิดความเสียหาย ซึ่งในกลุ่มมี นรต.สุทธิรักษ์ที่หลังจากออกเวรเวลาเที่ยงคืนได้ไปกับพี่ชายและพวกอีก 5 คน ไปนั่งที่ร้านแล้วเกิดการเขม่นกับอีกกลุ่ม มีการชกต่อยกัน ทำให้ทรัพย์สินในร้านเสียหายจำนวนมาก ทางร้านได้ส่งคนมาแจ้งความ ซึ่งในวันนี้ ผกก.สน.ห้วยขวาง จะให้คนที่แจ้งความหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาดูตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย 


ผบช.น.กล่าวอีกว่า ถ้าใครทำร้ายร่างกายหรือทำให้ทรัพย์สินในร้านเสียหายต้องถูกดำเนินคดี ไม่มีการละเว้นหรือยกเว้น

ได้สั่งย้ำให้นำหลักฐานทั้งหมด รวมถึงภาพวงจรปิดมาดู เพราะเราถือว่านายตำรวจฝึกงานไม่ได้มีอภิสิทธิ์อะไร ถ้าไปทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี ที่ สน.ห้วยขวางมี 5 คน ซึ่งได้ให้ ผกก.จัดนายตำรวจพี่เลี้ยงในการทำงานและดูแลความประพฤติ ได้ตอกย้ำเสมอว่า เด็กที่ฝึกงานยังไม่จบ จะมีความฮึกเหิม ไม่อยากให้คลาดสายตา ยิ่งมาเกิดเหตุอย่างนี้ขอใช้คำว่าห้ามไม่ให้ ไปนั่งตามร้านหรือสถานบริการ เมื่อตรวจเวรยามเสร็จให้กลับไปพักผ่อน เพราะที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจส่งมาไม่ใช่ให้ดูแลเฉพาะความรู้ด้านกฎหมาย แต่ให้ดูแลความประพฤติ ระเบียบวินัย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขอสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน และยังไม่กล่าวหาว่า นรต.ฝึกงานเป็นคนผิดหรือไม่

ส่วนที่อ้างว่า นรต.เป็นหลานของนายทหารชื่อดังระดับ พล.อ. ผบช.น. ตอบว่า

ได้รับรายงานว่า มีการพูดกันแต่ยังไม่รู้ว่าใครพูด สอบถามแล้วยังไม่มีใครรับ คิดว่าเป็นการอ้างกันไปเพื่อให้อีกฝ่ายเกรงกลัว ส่วนที่ว่าร้านเปิดบริการถึงตี 5 นั้น เท่าที่รับรายงานทราบว่าเป็นช่วงประมาณตี 2 แต่ต้องสอบสวนต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์