ผู้รอดชีวิตเล่าเหตุการณ์บางส่วนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
นายน้อง ขาวนวล อายุ 57 ปี พร้อมภรรยานางลัดดา ขาวนวล เผยนาทีชีวิตขณะที่จับมือภรรยาซึ่งหมดสติกระโดดออกจากเครื่องบิน ขณะทีเครื่องบินกำลังลงจอด ซึ่งส่วนหางเครื่องบินได้ไปกระแทกกับเนินดินจนไถลออกนอกรันเวย์ เมื่อตั้งสติได้ตนจึงได้พาภรรยาที่นอนสลบอยู่กระโดดออกจากเครื่องบินทางประตูฉุกเฉินจึงได้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ หลังจากนั้นไม่ถึง 3 นาที ไฟก็ได้ลุกท่วมตัวเครื่องบินทั้งลำ
'ผมได้คว้ามือภรรยาและกระโดดออกจากประตูฉุกเฉิน และไถลไปตามปีกเครื่องบนหล่นลงไปในคูน้ำที่ลึกท่วมหัวผม ทำให้ผมกับภรรยารอดชีวิต ขณะที่เห็นชายชาวต่างชาติที่ถูกไฟคลอกทั้งตัวกระโดดออกมาและหล่นลงไปในคูน้ำเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบว่าจะรอดหรือไม่' นายน้อง กล่าว
นายน้องกล่าวถึงอาการบาดเจ็บของตนเองและภรรยาว่า มีแผลฟกช้ำดำเขียวตามร่างกายหลายแห่ง ส่วนภรรยาหัวไปกระแทกพื้นทำให้มีอาการบวมที่ศรีษะ ซึ่งตอนนี้ได้สติแล้วแต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นายจอห์น ชาวไอริช ผู้รอดชีวิตอีก 1 คน กล่าวว่า เดินทางทางไปเที่ยวภูเก็ตพร้อมเพื่อนอีก 1 คน ชื่อนายวิลเลี่ยม ซึ่งเครื่องบินลำนี้เต็มไปด้วยชาวต่างชาติและมีผู้โดยสารเต็มลำ ทั้งนี้ตนนั่งอยู่ที่แถว 18 โดยขณะที่ครื่องกำลังร่อนลง ได้ยินเสียงดังและทันใดก็เกิดความโกลาหลขึ้น ตนพยายามหาเพื่อนของตนแต่ไม่พบ จึงตัดสินใจกระโดดออกจากประตูฉุกเฉินและไถลไปตามปีกเครื่องบินลงมา จึงรอดชีวิต โดยได้รับบาดเจ็บเป็นแผลไฟไหม้บริเวณขาและแผ่นหลัง และในภายหลังพบว่าเพื่อนของตนสามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้เช่นกัน ซึ่งขณะนี้กำลังรับการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล
ส่วนนายชวเลิศ จิตจำนงค์ ผู้โดยสารที่รอดชีวิตอีกราย กล่าวว่า ตอนที่เครื่องบินกำลังร่อนลงแตะรันเวย์ ได้ยินเสียงดังสนั่นและจากนั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องบิน โดยมีกลุ่มควันดำทั่วท้องเครื่องบิน จนมองไม่เห็น ตนซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งเลขที่ 22 พร้อมลูกและภรรยา จึงได้พยายามคลำหาทางออก จนมองเห็นแสงสว่างจากประตูฉุกเฉินทางด้านซ้านของตัวเครื่อง จึงกระโดดออกมาและไถลลงตามปีกเครื่องบิน ซึ่งลูกชายสามารถรอดมาได้เช่นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนภรรยาของนั้นยังหาตัวไม่เจอ และตนได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังแตก
นอกจากนี้ นายชวเลิศ กล่าวอีกว่า ก่อนที่เครื่องบินจะร่อน มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าทัศนวิสัยภายนอกแย่มาก แต่นักบินกลับตัดสินใจร่อนเครื่องลง ซึ่งก็ยังแปลกใจ