ล่า 20โจ๋ท้ายซอย ฆาตกรหื่นข่มขืนเด็ก14

น.1สั่งตั้งทีมเฉพาะกิจไล่ล่าฆาตกรซาดิสต์เขย่าขวัญเทศกาลสงกรานต์หลังผลชันสูตรศพระบุทวารหนักของเด็กสาววัย 14 ปีโดนข่มขืนฉีกขาดยับเยินมั่นใจวายร้ายจิตใจวิปริตผิดมนุษย์ น่าจะเป็นคนในละแวกชุมชนที่รู้จักมักคุ้นเหยื่อ เลยลงมือสังหารปิดปากแบบเลือดเย็น ล่าสุดเร่งตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงบน "ไฟแช็ก" เชื่อเป็นของไอ้โหด พร้อมระดมกำลังสายสืบโรงพักตลิ่งชัน- บก.น.7 พลิกแผ่นดินควานล่าตัววัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ตั้งวงกินเหล้าอยู่ท้ายซอย ล่าสุดหิ้วตัวมาสอบแล้ว 5 คนแต่ยังปฏิเสธ โดย 1 ใน 5 เคยมีอาการเพี้ยน ช่วยตัวเองต่อหน้าเด็กและผู้หญิง

จากคดีสลดใจช่วงเทศกาลสงกรานต์ ฆาตกรสังหารโหด ด.ญ.วิชุดา โพธิ์ทอง หรือน้องแนน อายุ 14 ปี สิ้นใจอย่างน่าสงสารคาร่องสวน ด้านหลังชุมชนสถานีรถไฟตลิ่งชัน สุดซอยสวนผัก 29 ถนนสวนผัก เขตตลิ่งชัน เหตุเกิดช่วงกลางดึกวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา สภาพศพเสื้อชุดนอนถูกถลกขึ้นมาไว้ที่หน้าอก ท่อนล่างเปลือยเปล่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายออกจากบ้านไปดูหนังกลางแปลงกับเพื่อน ๆ ในชุมชนแล้วเดินกลับบ้านคนเดียวลำพัง ระหว่างทางได้ถูกคนร้ายฉุดไปพยายามข่มขืน แต่ผู้ตายดิ้นรนต่อสู้จึงถูกคนร้ายจับกดน้ำเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 เม.ย. นายวินัย โพธิ์ทอง บิดาของน้องแนน และบรรดาญาติพี่น้อง ได้เดินทางไปที่ รพ.ศิริราช ภาควิชานิติเวชศาสตร์ เพื่อติดต่อขอทราบผลการชันสูตรพลิกศพบุตรสาว เบื้องต้นแพทย์ได้ชันสูตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบุว่าเด็กเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ด้านหลังศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนเยื่อบุในสมองขาด อวัยวะเพศไม่มีร่องรอยข่มขืน แต่ที่ทวารหนักมีรอยฉีกขาด ลักษณะคล้ายกับถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง หลังจากทราบผลชันสูตรแล้วนายวินัยจึงได้ไปติดต่อกับ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ เพื่อนสงคราม พงส. (สบ2) สน. ตลิ่งชัน เพื่อขอเอกสารจากทางตำรวจไปยื่นขอรับศพบุตรสาวไปบำเพ็ญกุศลที่วัดช่างเหล็ก ย่านตลิ่งชัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลดหดหู่ของญาติพี่น้องเป็นอย่างมาก

ขณะที่ พ.ต.ท.เสน่ห์ เสถียรพงศ์สว. บก.น.7 รักษาการแทน สว.สส.สน.ตลิ่งชัน ได้ประสานงานกับชุดสืบสวน บก.น.7 ระดมกำลังชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ กระจายกำลังกันแยกย้ายเข้าไปหาข่าวในพื้นที่หลังชุมชนสถานีรถไฟตลิ่งชัน โดยพุ่งเป้าเข้าไปหาข้อมูลในช่วงเกิดเหตุซึ่งมีงานมหรสพฉายหนังกลางแปลง ทราบว่ามีวัยรุ่นในชุมชนกว่า 20 คน นั่งกินเหล้าแยกวงกันอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ ทางตำรวจจึงต้องเข้าไปเช็กรายละเอียดว่า หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญแล้ว กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นคนภายในชุมชนที่อยู่ละแวกแถบท้ายซอยเกือบทั้งหมด ใครมีพิรุธและหายตัวไปอย่างน่าสงสัยบ้างหรือไม่ นอกจากนี้ยังจะต้องเรียกตัวมาตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียดเพื่อหาร่องรอยถูกขีดข่วน

อย่างไรก็ดีนอกจากตำรวจจะพุ่งเป้าไปในกลุ่มวัยรุ่นแล้ว ยังไม่ตัดกลุ่มต้องสงสัยรายอื่นทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใกล้ตัวที่อาศัยในชุมชนที่มีพฤติกรรมซาดิสต์ รู้จักน้องแนนเป็นอย่างดีพอเห็นเหยื่อเดินกลับบ้านตามลำพังคนเดียวไม่ทันระวังตัวประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นที่มืดจึงลงมือทำร้ายจนหมดสติแล้วลงมือข่มขืนทางประตูหลังแบบวิตถาร จากนั้นอุ้มร่างไร้สติเดินเข้าไปหย่อนทิ้งในร่องสวนฆ่าปิดปากอำพรางคดี เพราะสังเกตดูได้จากบริเวณที่พบศพไม่มีร่องรอยการต่อสู้ รวมทั้งในร่องสวนซึ่งมี "แหน" ลอยอยู่เป็นจำนวนมากก็ไม่ได้กระเซ็นเปรอะเปื้อนตามขอบตลิ่งแต่อย่างใด ล่าสุดตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของ "ไฟแช็ก" ที่พบในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดด้วย เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นของคนร้ายทำตกเอาไว้

ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. เปิดเผยว่า หลังจากได้รับรายงานคดีฆาตกรรม อุกอาจสะเทือนขวัญประชาชนก็ได้สั่งการให้ทาง พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา ผบก.น.7 เข้าไปควบคุมดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังได้สั่งให้ทางชุดสืบสวน บก.น.7 ทำงานประสานกับฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน โดยให้ตั้งเป็นชุดเฉพาะกิจขึ้นมาช่วยกันเร่งรัดหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เร็วที่สุด โดยเบื้องต้นทางตำรวจยังสันนิษฐานว่า คนร้ายจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในละแวกชุมชนเกิดเหตุ โดยคาดว่าน่าจะรู้จักเด็กหญิงเคราะห์ร้ายเป็นอย่างดีด้วยจึงต้องลงมือฆ่าปิดปากอย่างเลือดเย็น

พล.ต.ต.บุญส่ง ผบก.น.7 กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน กำลังเร่งสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้ว 4 ปากแต่ยังคงเหลือพยานอีก 3 ปากคาดว่าคงจะสอบเสร็จในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดีอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนที่ไปดูหนังกลางแปลงในวันเกิดเหตุ หากใครพบเห็นเบาะแสของกลุ่มผู้ต้องสงสัยหรือมีข้อมูลอะไรจะแจ้งให้ทางตำรวจทราบ สามารถ ติดต่อแจ้งข่าวมาที่ตนได้ตลอดเวลา

ต่อมาช่วงหัวค่ำ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมเข้ามาว่า ตลอดทั้งวันตำรวจได้เชิญตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน ที่อยู่ท้ายซอยไปสอบปากคำ โดย 1 ใน 5 (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) อาการเพี้ยน ๆ ชาวบ้านหลายคนยืนยันว่า ชายคนดังกล่าวเคยแสดงพฤติกรรมช่วยตัวเองเวลาที่เห็นเด็กหรือผู้หญิงเดินผ่านหน้า อย่างไรก็ดี ทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธไม่รู้เรื่องและไม่มีพิรุธอะไร ตำรวจจึงทำแค่ได้สอบปากคำ จากนั้นตรวจสภาพร่างกาย อย่างละเอียดแล้วได้ปล่อยตัวกลับบ้าน ทั้งนี้ตำรวจจะนำตัวอย่างที่ตรวจตามร่างกายของกลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คน ส่งไปให้แพทย์เปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่พบในร่างกายของเหยื่อเคราะห์ร้าย หากผลตรวจหลักฐานออกมาตรงกับคนใดก็จะออกหมายเรียกมาสอบอีกครั้ง.