พบมีบาดแผลตามใบหน้าเป็นผื่นแดง ลักษณะคล้ายถูกน้ำร้อนลวก รวมถึงรอยฟกช้ำที่บริเวณหน้าอก เบื้องต้นได้ให้ฝ่ายสืบสวนเข้าหาข้อมูลที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เกิดเหตุ พบหลักฐานจากเทปกล้องวงจรปิดยืนยันใบหน้าของคนที่ทำร้าย น.ส.สุมาพรอย่างชัดเจน ทราบชื่อ น.ส.อัญชิสา ประเวศตระกูลชัย อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเอกชนย่านรามคำแหง พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกให้มาพบในวันที่ 13 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเบื้องต้นก่อน แต่อาจต้องรอผลของแพทย์มาประกอบอีกครั้ง หากระบุอาการบาดเจ็บของผู้เสียหายว่าสาหัส ก็จำเป็นต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม อย่างไรก็ตาม บิดาของ น.ส.อัญชิสาติดต่อพนักงานสอบสวนแล้วว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะพาลูกสาวเข้ามอบตัว
น.ส.สุมาพร นักศึกษาสาวผู้เสียหายยังคงยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับ น.ส.อัญชิสา คู่กรณีมาก่อน
ส่วนสาเหตุคงเป็นเพราะ น.ส.อัญชิสาไม่พอใจที่ตนไปมองหน้า ขณะรอต่อคิวจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ อยากขอฝากถามไปยัง น.ส.อัญชิสาว่า ตนไปทำอะไรให้ จึงต้องมาทำร้ายกันถึงขนาดนี้ ส่วนบาดแผลที่ได้รับ แพทย์ระบุว่า อาจต้องทำศัลยกรรมที่ใบหน้า เพราะมีแผลพุพองจากการถูกน้ำร้อนลวก ต้องไปล้างแผลที่ใบหน้าและหน้าอกทุกวัน
ด้าน พ.ต.อ.ศุภชัย ประเวศตระกูลชัย นายแพทย์ (สบ 4) กลุ่มงานผู้ป่วยนอก รพ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีลูกสาวไปก่อเหตุวิวาทว่า
ทราบเรื่องหลังจากที่เป็นข่าวแล้ว ลูกสาวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดว่า คู่กรณีเคยมีเรื่องกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เพราะขโมยโทรศัพท์มือถือของลูกสาวตนไป ทำให้มีเรื่องตบตีกัน แต่เรื่องไม่ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาเจอกันอีกครั้งก็เลยเกิดเขม่นกันขึ้นมา คู่กรณีมาด่าว่าลูกตน เป็นเหตุให้ลูกสาวเกิดความไม่พอใจกระทำการอย่างที่เห็นในข่าว จากภาพวงจรปิดอาจมองไปว่า ลูกตนลงมือก่อน แต่ลูกบอกว่าคู่กรณีมาด่าว่าก่อน และกลัวจะมาทำร้ายก็เลยป้องกันตัว และไม่ได้มีการพูดจาเบ่งว่าพ่อใหญ่ หรือพ่อเป็นตำรวจแต่อย่างใด ที่รู้ว่าพ่อเป็นตำรวจ เพราะนักข่าวไปสืบหาข่าวกันเอง การที่คู่กรณีบอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่เรือ ช่วยลูกสาวตนก็ไม่เป็นเช่นนั้น ตนไม่เคยโทร.ไปคุยกับตำรวจเลย ไม่ได้เบ่งหรือให้ช่วยเหลือกัน ไม่เชื่อไปถาม ผกก.สน.บางยี่เรือ ดูได้ นักข่าวเขียนข่าวเกินไปจากความเป็นจริง
พ.ต.อ.ศุภชัยกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทของเด็ก ไม่มีอะไรรุนแรง
ทั้ง 2 เคยมีเรื่องกันมาก่อน ถ้าไม่มีเรื่องกันมาก่อนคงไม่ทำแบบนี้ อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บไม่มาก แค่น้ำร้อนลวกที่ใบหน้าเป็นรอยแดง เรื่องนี้ถึงขึ้นศาลก็แค่ปรับเท่านั้น ตนก็ได้ตักเตือนลูกไปแล้วว่าไม่สมควรทำแบบนี้ ทำอะไรให้ใจเย็นๆ ต้องมีความอดทน ใครด่าว่าก็ต้องอดทนไว้ ทำแบบนี้ไม่ถูกต้องจะเสียหายทั้งตัวเองและพ่อแม่ ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องคดี อยากให้ข่าวเงียบไปก่อน อีกไม่กี่วันก็คงเงียบ เพราะเป็นเรื่องเด็กๆทะเลาะกัน ที่เป็นข่าวเพราะไปโยงว่า เป็นลูกของตำรวจ หลังจากเรื่องเงียบก็จะได้ติดต่อคู่กรณีมาเจรจาและเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตกลงกันว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนผู้บังคับบัญชาไม่ได้เรียกเข้าไปพบ ถ้าเรียกก็จะชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง