แกะรอยฆ่านาวิกโยธินเมืองเบียร์
ความคิดไม่ลงรอย มีปากเสียงรุนแรง ก่อนจบลงด้วยความตาย ปริศนาฆาตกรรมอำพรางนี้กำลังจะได้รับการคลี่คลายในไม่ช้า แทนที่อดีตนาวิกโยธินเยอรมันจะทำตามฝันของตัวเองด้วยการมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทยอย่างสุขสงบ กลับเป็นตรงกันข้าม เมื่อเมืองไทยกลายเป็นเรือนตายของเขา จากเหตุความขัดแย้งทางความคิดเพียงแค่นั้น เคิร์ทชโมลเก้ วัย 56 ปี อดีตนาวิกโยธินประจำเรือฟริเกต กองทัพเรือเยอรมัน ที่ต่อมาลาออกมาเป็นผู้คุมนักโทษ ระหว่างนี้ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองไทย กระทั่งได้ภรรยาเป็นคนไทยวัย 35 ปี เขาพาภรรยาไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนีบ้านเกิด แต่ก็ยังคงเดินทางไปๆ มาๆ เมืองไทยบ่อยครั้ง ด้วยติดใจธรรมชาติและความสวยงามของเมืองไทย
5 ปีก่อน เคิร์ทตัดสินใจซื้อบ้านอยู่ที่เมืองไทย
เลขที่ 106/83 หมู่บ้านเอกมงคล 2/1 หมู่ 10 ต.เขาตาโล ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นบ้านปูนชั้นเดียว บนพื้นที่ 70 ตารางวา จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา เขาก็ลาออกจากอาชีพผู้คุมนักโทษและเดินทางเข้ามาพำนักอยู่ในเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตามลำพัง
อดีตนาวิกโยธินเยอรมันแสดงเอกสารการเดินทางเข้าประเทศต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวีซ่าหมดก็ยื่นเรื่องขออยู่ต่อตรงตามเวลา ระหว่างอยู่ในเมืองไทยเคิร์ทไม่ได้ทำงานทำการใดๆ โดยเขาแจ้งเรื่องต่อ ตม.พัทยา ว่า ได้รับเงินบำนาญจากรัฐบาลเยอรมันเพียงพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเมืองไทย โดยไม่ต้องทำอะไรเลย
ขณะพำนักอยู่ในเมืองไทยเคิร์ทมักจะมีเพื่อนชาวต่างชาติและหญิงสาวชาวไทยแวะเวียนมาหาเสมอๆ
และวันที่ 9 กันยายน ก็เช่นกัน 10 โมงเช้า ชายชาวต่างชาติรูปร่างอ้วนใหญ่ สูงประมาณ 180 เซนติเมตร ผิวขาว ผมสีทอง มาหาเขาที่บ้าน พร้อมกับสาวไทยรูปร่างผอมสูง ผิวออกดำ อายุอานามราวๆ 30 ปี หลังจากนั้นไม่นานทั้งสามก็ขับรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กต 1066 ชลบุรี ออกจากบ้านไป กว่าจะกลับเข้ามาอีกทีก็ปาเข้าไปช่วงบ่าย เมื่อมาถึงบ้านพักทั้งสามเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน กระทั่งหัวค่ำมีคนเห็นรถเก๋งคันเดิมวิ่งออกจากบ้านของเคิร์ท แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนขับและมีใครออกไปด้วยหรือไม่
คล้อยหลังรถเก๋งออกจากบ้านไม่นานเพื่อนบ้านข้างเคียงก็สังเกตเห็นควันไฟพวยพุ่งออกมาจากห้องนอนของเคิร์ท
จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สภ.อ.บางละมุง ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรุดมาดับเพลิง แต่กระนั้นก็ต้องเจออุปสรรคชิ้นสำคัญ บริเวณประตูรั้วเหล็กด้านหน้าถูกล็อกอย่างแน่นหนาด้วยกุญแจขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับบริเวณประตูหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องพังประตูทั้งสองด่านเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิงเป็นการด่วน
20 นาที จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดและดับลงในที่สุด
แล้วภาพชวนตกตะลึงก็ปรากฏต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เคิร์ทถูกฆาตกรรมเสียชีวิตอยู่ปลายเตียงในห้องนอน ภาพที่เห็นชวนให้สยดสยองเป็นที่สุด ศีรษะถูกคลุมด้วยถุงพลาสติกใส มีผ้าขนหนูสีขาวพันใบหน้าอีกชั้น บริเวณหน้าผากมีแผลถูกแทงด้วยของมีคม 3 แผล แก้มซ้าย 1 แผล และกกหูขวาอีก 2 แผล แต่ละแผลล้วนลึกถึงกะโหลก เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง พ.ต.อ.สรายุทธสงวนโภคัย ผกก.สภ.อ.บางละมุง พ.ต.ท.สมชาย ยศสมบัติ รอง ผกก. และ พ.ต.ท.นิตย์ วิธินันทกิตต์ สว.สส. ตรวจสอบบ้านเกิดเหตุอย่างละเอียด พบร่องรอยการต่อสู้หลายแห่ง คราบเลือดกระเซ็นติดตามมู่ลี่และผนังห้องเต็มไปหมด
ข้างๆศพพบธนบัตรสกุลยูโรฉบับละ 500 ยูโร
และธนบัตรไทยฉบับละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาพัทยาใต้ มียอดเงินหมุนเวียนราว 2 ล้านบาท ทำให้ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ตัวผู้ตายและไม่ประสงค์ต่อทรัพย์สินแม้แต่น้อย !
ส่วนรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กต 1066 ชลบุรี ของอดีตนาวิกโยธินผู้วายชนม์ที่หายไป
ต่อมามีคนพบจอดอยู่ในซอยพัทยา 14 ห่างจากบ้านของเคิร์ทเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น เจ้าหน้าที่วิทยาการจึงเข้าตรวจหารอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายและหลักฐานต่างๆ ด้วยเชื่อแน่ว่าคนที่ขับเก๋งคันนี้รถออกจากบ้านเกิดเหตุน่าจะเป็นคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยในอันดับต้นๆ
"สาเหตุฆาตกรรมอำพรางครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องชู้สาว ไม่ใช่เรื่องการพนัน
ไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย แต่มีความขัดแย้งทางธุรกิจ ความคิดไม่ลงรอยอะไรประมาณนั้น อาจจะมีปากเสียงกันก่อนแล้วคนร้ายถึงลงมือฆ่า ขณะนี้ คดีคืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว คาดว่าอีกวันสองวันนี้ก็จะสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้" พ.ต.อ.สรายุทธ ระบุ
ความคิดไม่ลงรอยอันเป็นชนวนเหตุสังหารนั้นเป็นอย่างไรและคนร้ายจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาตินั้น ผกก.สภ.อ.บางละมุง ขอปิดเอาไว้ก่อน
ด้วยเกรงจะเสียรูปคดี เพียงแต่ยิ้มและบอกว่าน่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมอำพรางเพียง 1 วัน เคิร์ทได้ปรับทุกข์กับเจ้าของร้านโชห่วยที่สนิทสนมว่า ถูกเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่งขโมยทรัพย์สินไปหลายรายการ จึงอยากจะให้พาไปแจ้งความต่อตำรวจ สภ.อ.บางละมุง แต่ยังไม่ทันได้ไปก็มาถูกฆาตกรรมเสียก่อน
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าคนร้ายรายนี้เป็นใครเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ
เพราะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยต้องเสื่อมเสียในสายตานักท่องเที่ยว นับจากนี้ตำรวจไทยอาจต้องเพ่งเล็งชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เข้ามาก่ออาชญากรรมนำเรื่องร้ายๆ มาสู่เมืองอันแสนสงบสุขนี้