คำสารภาพจยย.ทมิฬ ฆ่าสาวศพยัดกล่อง พิษหนี้ลงทุนนาฬิกา

"นายบัวฮองจะถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลาย หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ส่วนสาเหตุที่คนร้ายต้องฆ่า น.ส.ทองรัก คนร้ายอ้างว่าโกรธแค้นที่ถูกผู้ตายเบี้ยวหนี้ การกระทำของคนร้ายนับว่าเหี้ยมโหดมาก ฆ่าได้แม้ผู้หญิงไม่มีทางสู้ พนักงานสอบ สวนจะได้เร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป"

คือคำกล่าวของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 นายตำรวจมือปราบระดับพระกาฬ ซึ่งอำนวยการสืบสวนจนคดีคลี่คลาย ไล่ล่าคนร้ายที่ลงมือสังหาร น.ส.ทองรัก สิงห์แก้ว อายุ 36 ปี พนักงานฝ่ายขาย-รับประกันนาฬิกาข้อมือหรู ยี่ห้อ GUCCI เอาไว้ได้สำเร็จ

เพียงข้ามคืนทุกอย่างก็คลี่คลาย!?!

น.ส.ทองรัก ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 188/123 ซอยพนาสนธิ์ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างเหี้ยม โหด ในสภาพศพถูกทำร้ายจนคอหักหมุนได้รอบ ปากแตก ใบหน้าและลำตัวพบร่องรอยการถูกทุบ ตีจนเป็นรอยเขียวช้ำอย่างน่าสยดสยอง

แต่ที่โหดกว่านั้นเห็นจะเป็นการที่คนร้ายนำศพยัดใส่กล่องกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่

ซึ่งเป็นกล่องบรรจุเครื่องซักผ้ายี่ห้อซัมซุง มัดด้วยเชือกผ้าร่มสีดำและสีน้ำตาล 2 เส้นพันรอบกล่องอย่างแน่นหนา ตายในชุดเสื้อสูทสีดำ ทับเสื้อกล้ามสีส้ม นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า ทิ้งศพหมกไว้ในป่าหญ้าริมถนนสายคลองอุดมชลจร-เปร็ง หมู่ 8 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

เป็นคดีใหญ่ท้าทายตำรวจแปดริ้วให้ตามจับคนร้าย!?!

เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในตัวผู้ตาย พบเงินสด 4,500 บาท บัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ใบเสร็จชำระเงินจากการซื้อสินค้าซึ่งเปียกน้ำจนมีสภาพเลอะเลือน พร้อมตะกรุดลูกปืนอาจารย์อ๊อด 1 ดอก ติดด้วยเข็มกลัดอยู่ที่ด้านในปกเสื้อสูท นอกจากนี้ ภายในกล่องยังพบเสื้อผ้าชุดผู้ชาย และกระโปรงเด็กนักเรียน ยัดอยู่รวมกับศพในกล่องจำนวน 10 กว่าชุด จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์

พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ในฐานะผู้บัญชาการพื้นที่นี้ เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเป็นการด่วน มอบหมายให้พล.ต.ต.บวร นันทะยาวงศ์ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.วีระชัย วิสุทธิอุทัยกุล รอง ผบก.ภ.จว. ลงมาควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิด ตั้งทีมไล่ล่าคนร้าย ประกอบด้วย พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก. สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.เกรียงไกร บุญซ้อน รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สมศักดิ์ บุญประเสริฐ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วันชาติ หลอดทอง สวป. พ.ต.ท. คงศักดิ์ บุญสื่อสุวรรณ สว.สส. ออกแกะรอยทันที

ตำรวจเริ่มสอบปากคำพยานแวดล้อมก่อนอันดับแรก

 โดย นายสันติ แก้วมณี อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสามีน.ส.ทองรัก ให้การว่า อยู่กินกับกับน.ส. ทองรักจนมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนกัน ทุกเช้าแฟน จะเดินทางออกจากบ้านพักภายในหมู่บ้านพนาสินวิลล่า 10 ซ.เฉลิมพระ เกียรติ 48 แขวงสวนหลวง เขตประเวศ เพื่อไปทำงานที่ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ โดยมี นาย บัวฮอง หรือ "เท่ง" พรจันทร์ วินจยย. ขาประจำทำหน้าที่รับ-ส่งเพื่อไปต่อวินรถตู้เป็นประจำทุกวัน ซึ่งในช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ย. น.ส.ทองรัก ก็ออกไปทำงานตามปกติ โดยมีนายบัวฮองขับรถมารับ แต่พอตกดึกปรากฏว่าแฟนไม่กลับบ้าน ตามหาที่ไหนก็ไม่พบ กระทั่งรุ่งขึ้นอีกวันจึงได้ข่าวจากตำรวจว่าภรรยาถูกฆ่าตาย

"ไม่คิดว่าเธอจะอายุสั้นแบบนี้"

หลังรับทราบข้อมูลตำรวจจึงโฟกัสไปที่นายบัวฮองในฐานะคนที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายทันที เจ้าหน้าที่รีบไปควบคุมตัวนายบัวฮองมาสอบปากคำ ซึ่งหมอนี่ทำท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ตอนแรก "บัวฮอง" ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน.ส.ทองรัก

อ้างว่าวันที่น.ส.ทองรักหายตัวไปได้ไปส่งขึ้นรถตู้แล้วกลับมาขับวินตามปกติ แต่พอเจ้าหน้าที่ไปสอบปาก คำเพื่อนร่วมวิน ปรากฏว่าทุกคนยืนยันว่านายบัวฮองไม่ได้กลับมาขับวินแต่อย่างใด

เป็นข้อแก้ตัวที่นายบัวฮองคิดว่าตำรวจจะจับผิดไม่ได้

เพื่อให้หายข้องใจ ตำรวจนำรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ตย 5960 กทม. ซึ่งเป็นรถอีกคันของนายบัวฮองมาตรวจสอบหาหลักฐาน ผลปรากฏว่าในรถพบเส้นผมและคราบเลือดของผู้ตาย แต่ทว่านายบัวฮองก็ยังให้การปฏิเสธอีกจนได้ ขนาดตำรวจใช้วิธีเก็บหลักฐานเศษดินที่ติดกับรองเท้านายบัวฮองไปเปรียบเทียบกับเศษดินจุดทิ้งศพ ซึ่งพบว่าเป็นดินจากที่เดียวกัน ก็ยังง้างปากนายบัวฮองไม่ได้

จนกระทั่งทีเด็ดสุดท้าย

เจ้าหน้าที่ต้องให้พยานคนหนึ่งมายืนยันว่ากล่องเครื่องซักผ้าซัมซุงที่คนร้ายใช้ใส่ศพนั้น เป็นกล่องที่นายบัวฮองเพิ่งไปซื้อไว้กับเจ๊ร้านขายของคนหนึ่งใกล้บ้าน เท่านั้นจึงทำให้นายบัวฮองอึ้งจนพูดไม่ออก และยอมรับสารภาพออกมาว่าเป็นคนฆ่าน.ส.ทองรักจนถึงแก่ความตาย

กว่าจะเค้นเอาความจริงได้ก็เล่นเอาตำรวจเหนื่อย

นายบัวฮองก้มหน้าสารภาพว่า ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างรับส่ง น.ส. ทองรักอยู่เป็นประจำนาน 3 ปี ได้ค่าจ้างวันละ 30 บาท ความที่เป็นคนเก็บเงินทองจนมีฐานะพอสมควร ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่าน มา น.ส.ทองรักได้ชักชวนร่วมลงทุนซื้อนาฬิกายี่ห้อกุชชี่จากบริษัทที่ น.ส. ทองรักทำงานอยู่มาขาย โดยให้เงินน.ส.ทองรักไป 7,000 บาท ต่อมาน.ส.ทองรักแบ่งเงินกำไรให้ 3,000 บาท และในเดือนก.ค.ให้เงินไปลง ทุนอีก 15,000 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานจน ถึงวันเกิดเหตุได้ทวงเงินน.ส.ทองรักแต่ก็ผัด ผ่อนไม่ยอมให้

กระทั่งสายวันที่ 30 ส.ค.

ขับรถจักรยานยนต์ไปรับน.ส.ทองรักที่บ้านพักตามปกติ ระหว่าง ทางได้ทวงเงินอีกครั้ง แต่น.ส.ทองรักอ้างว่าเอาเงินไปใช้หมดแล้ว ตนไม่เชื่อจึงขับรถพา น.ส. ทองรักไปที่บ้านพักซึ่งเป็นห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอย 48 ถ.เฉลิมพระเกียรติสวนหลวง ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ เพื่อให้น.ส. ทองรักหาเงินมาคืนให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมปล่อยตัวไปทำงาน เมื่อมาถึงหน้าห้องพัก น.ส. ทองรักไม่ยอมเข้าไปในห้อง จึงจอดรถเจรจา โดยน.ส.ทองรักยังคงนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ ตนจึงบอกให้โทรศัพท์ยืมเงินเพื่อนเพื่อนำมาให้ตน โดยข่มขู่ว่ายังไงวันนี้ต้องได้เงินไม่งั้นจะซ้อมให้ตาย เพราะต้องนำเงินไปจ่ายค่าประกันรถยนต์จำนวน 17,000 บาท แต่น.ส.ทองรักไม่สนใจบอกว่าถึงซ้อมให้ตายก็ไม่มีเงิน

เท่านั้นจึงตัดสินใจฆ่า!?!

"ด้วยความโมโหผมกระชากผมเธอจนหงายหลังล้มลง แล้วตบหน้าและเกิดการต่อสู้กัน ผมขึ้นคร่อมตัวและบีบคอ แต่เธอบอกว่าถึงบีบคอให้ตายก็ไม่มีเงินให้ จึงยิ่งบันดาลโทสะจนขาดสติ บีบคอจนขาดใจตายคามือ จากนั้นเปิดห้องเข้าไปนำกล่องเปล่าใส่เครื่องซักผ้านำมาใส่ศพ พร้อมกระเป๋าสะพายและเสื้อผ้าเก่าซึ่งเก็บได้จากข้างเสาไฟริมทางเพื่อปกปิดศพอีกชั้นหนึ่ง แล้วยกกล่องใส่ศพขึ้นท้ายรถกระบะ ขับไปตามถนนจนมาถึงเมืองฉะเชิงเทรา เห็นว่าเป็นที่เปลี่ยวจึงทิ้งในพงหญ้า และขับรถยนต์กลับห้องพัก จากนั้นนำรถจักรยานยนต์ออกไปวิ่งรับจ้างตามปกติ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต แต่สุดท้ายก็มาถูกจับกุมจนได้" นายบัวฮองกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน

บ่ายวันที่ 2 ก.ย. พนักงานสอบสวนเมืองแปดริ้ว ควบคุมตัวนายบัวฮอง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ตั้งแต่จุดรับผู้ตาย จุดฆ่าและจุดทิ้งศพ ท่ามกลางความสนใจของประชาชนจำนวนมากที่มารอดูโฉมหน้าคนร้าย ต่างพากันตะโกนสาปแช่งขอให้มันรับโทษทัณฑ์อย่างสาสม

ใครทำอะไรไว้ต้องได้รับกรรม

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์