จับมัดทุบหัวเละ ฆ่าสยอง เสี่ยร้านดอกไม้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ย. พ.ต.ท.สุรสิทธิ์ สมัยแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าที่ห้องแถวในซอยตรงข้ามที่จอดรถพุฒตาลทัวร์ ถนนสุขจิต เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปราโมทย์ จงใจ ผกก.สภ.อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.พฤหัส สังข์ประเสริฐ พนักงานสอบสวน (สบ 3) พ.ต.ต.สามารถ ชาโรจน์ สวป. พ.ต.ท.วิรัช น้ำทองไทย สว. วิทยาการประจวบคีรีขันธ์ และ นพ.อธิศ พุกโพธิ์ แพทย์เวรโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ รุดไปตรวจสอบ
 

ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวชั้นเดียวปลูกติดกันทั้งหมดรวม 6 ห้อง

จุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องที่ 5 เลขที่ 103/5 พบศพนายกล้า น้อยแนบ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233 ถนนพิทักษ์ชาติ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ นอนตายอยู่ภายในห้องนอน สภาพศพถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกไนลอน ผู้ตายสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอก ตรวจสอบพบบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ศีรษะจนแตกเละ ท้ายทอยถูกตีจนคอหัก ใกล้ศพพบไม้ท่อนเปื้อนเลือดขนาดเท่าข้อมือยาวประมาณ 60 ซม.ตกอยู่ จึงเก็บไว้ เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายต่อไป 

จากการสอบสวนนางปราณี น้อยแนบ อายุ 35 ปี เป็นพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ และเป็นภรรยาผู้ตาย ให้การด้วยสีหน้าเศร้าสลดว่า นายกล้า สามี เป็นเจ้าของร้านขายดอกไม้ชื่อเอ็นเค ตั้งอยู่เลขที่ 233 ถนนพิทักษ์ชาติ เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ และยังเป็นเจ้าของห้องแถวที่เกิดเหตุและอีกหลายแห่งในเขต อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ขณะตนเตรียมตัวจะไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล จู่ๆมีโทรศัพท์โทร.มาหาผู้ตาย หลังวางหูสามีรีบขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีน้ำเงิน ทะเบียน กผพ 111 ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากร้าน โดยไม่ได้บอกว่าไปไหน

ภรรยาเสี่ยชะตาขาดให้การอีกว่า

กระทั่งเที่ยงคืนได้โทรศัพท์ไปหาผู้ตายก็ยังพูดคุยกันดีอยู่ จากนั้นช่วงตีหนึ่งเศษได้โทร.ไปหาอีกครั้ง แต่ผู้ตายไม่ยอมรับสาย ตนออกเวรกลับบ้านตอนเช้ายังไม่พบผู้ตาย โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เลยรีบมาดูที่ห้องแถวห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ตายไม่ได้เปิดให้ใครเช่า เพราะเก็บเอาไว้เก็บของ เมื่อไปถึงพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้ารถ ส่วนประตูหน้าห้องปิดอยู่ แต่ไม่ได้ล็อกกลอน พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเมื่อเจอศพสามีนอนตายอยู่ในห้องนอน จึงแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ส่วนทรัพย์สินเท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีโทรศัพท์มือถือหายไป 1 เครื่อง และเงินสดประมาณ 12,000 บาท ที่ผู้ตายเพิ่งไปเก็บมาจากลูกค้าเมื่อตอนเย็นและพกติดตัวไปด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำพยานและตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นคาดว่า
 
ก่อนเกิดเหตุคนร้ายน่าจะโทรศัพท์ลวงผู้ตายออกไปพบ ก่อนจับมัดมือมัดเท้า ใช้ท่อนไม้กระหน่ำตีอย่างโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนชาวบ้านที่เช่าห้องแถวอยู่ติดกับห้องที่เกิดเหตุ ไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ ส่วนสาเหตุได้ ตั้งไว้หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฆ่าชิงทรัพย์ เรื่องชู้สาว ขัดแย้งเรื่องส่วนตัว และขัดแย้งทางธุรกิจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยมีปัญหากับบุคคลหนึ่งที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามคนร้ายและหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป